บริษัทเดินเรือทั่วโลกเริ่มเบนเข็มไปยังเส้นทางแหลมกู๊ดโฮป ในแอฟริกา เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีโดยกลุ่มฮูตีในทะเลแดง แลกกับการต้องเติมเชื้อเพลิงและเติมเสบียงในการเดินทางที่ไกลขึ้นกว่าเดิม ขณะที่นักวิเคราะห์กังวลว่าตอนนี้ท่าเรือแอฟริกาเผชิญกับภาวะเรือขนส่งล้นและระบบโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอในการรับมือกับเรือสินค้าปริมาณมาก
เรือพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายร้อยลำเปลี่ยนเส้นทางไปทางปลายสุดของแอฟริกา ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไกลขึ้น และใช้เวลา 10-14 วันในการเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธโดยกลุ่มฮูตี ที่อาจดันให้ราคาน้ำมันและค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้น
อเลซซิโอ เลนซิโอนี ที่ปรึกษาด้านขนส่งและห่วงโซอุปทาน เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ตอนนี้ท่าเรือสำคัญในแอฟริกาใต้ ทั้งท่าเรือเดอร์บันที่รองรับปริมาณสินค้าได้มากที่สุดในแอฟริกา เช่นเดียวกับเคปทาวน์และนิกุระ ต่างต้องรับมือกับเรือขนส่งจำนวนมากที่เปลี่ยนเส้นทางมายังแอฟริกา
ขณะที่ท่าเรือในประเทศอื่น ๆ ในแอฟริกา เช่นเคนยา และแทนซาเนีย ต่างไม่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีพอในการรับมือกับเรือพาณิชย์จำนวนมากที่จะมุ่งหน้ามาที่นี่ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
ทางบริษัทเมอส์ก (Maersk) ระบุว่าเรือขนส่งของบริษัทที่เดินทางไปแหลมกู๊ดโฮป จะต้องพยายามเติมเชื้อเพลิงตั้งแต่ต้นทางหรือไปเติมเมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้ว แต่มีทางเลือกว่าอาจจะแวะจอดเติมน้ำมันได้ที่นามิเบียหรือมอริเชียสได้
การโจมตีโดยกลุ่มฮูตีที่มีอิหร่านหนุนหลัง ได้กระทบต่อการค้าโลก ที่ต้องพึ่งพาเส้นทางขนส่งทางเรือผ่านคลองสุเอซ เส้นทางขนส่งระหว่างเอเชียและยุโรปที่สั้นที่สุด ซึ่งมีปริมาณการขนส่งสินค้าในเส้นทางดังกล่าวราว 1 ใน 6 ของการค้าโลก
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น