มีการศึกษามากมายที่ชี้ว่าความละเอียดอ่อนของการเลี้ยงดูบุตรในช่วงหลายปีแรกของชีวิตช่วยส่งเสริมความสามารถทางวิชาการและการเข้าสังคมเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ตอนต้น
แต่การศึกษาเหล่านี้ไม่บอกว่าผลดีจะมีไปถึงวัยผู้ใหญ่หรือไม่ นั่นทำให้คุณ Lee Rabe ผู้เชี่ยวชาญแห่งมหาวิทยาลัย Delaware ต้องการค้นหาคำตอบนี้
ความละเอียดอ่อนของการดูแลลูกจำกัดความได้ยาก แต่คุณ Rabe ยกตัวอย่างว่าในกรณีที่เด็กต้องการทำในสิ่งที่พ่อแม่รู้ว่าเกินความสามารถของเด็ก ความละเอียดอ่อนในที่นี้หมายถึงการที่พ่อแม่ไม่ทำสิ่งนั้นให้เด็กเสียเองแต่มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่เพื่อกระตุ้นให้เด็กพยายาม
เขากล่าวว่าพ่อแม่แสดงการสนับสนุน ให้ความมั่นใจแก่ลูกและชมลูกหากลูกทำได้ดีและหากเด็กยังแก้ปัญหาไม่ได้อย่างถูกต้อง พ่อแม่จะค่อยๆ นำทางให้ลูกแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง
คุณ Rabe และทีมนักวิจัยทำการศึกษาที่ยาวนานหลายสิบปี เริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยมินเนสโซต้าในช่วงคริสตวรรษที่ 1970 หรือราว 40 กว่าปีที่แล้ว การศึกษานี้เกี่ยวข้องกับผู้หญิงอเมริกัน 200 คนที่กำลังจะมีลูกคนแรก การศึกษานี้ติดตามดูพัฒนาการของเด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่อายุ 30 ปี มีการเก็บบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา หน้าที่การงาน ชีวิตการแต่งงานและข้อมูลอื่นที่ที่เป็นตัวชี้ความสำเร็จในชีวิต
คุณ Rabe หัวหน้าการศึกษาชี้ว่ามีการบันทึกภาพวิดีทัศน์ปฏิกริยาระหว่างเด็กและมารดาในช่วงสามขวบแรก นักวิจัยทำการวิเคราะห์เทปที่ถ่ายเอาไว้เพื่อดูว่าพ่อแม่แสดงความละเอียดอ่อนในการเลี้ยงดูลูกอย่างไรและนำไปเปรียบเทียบกับความสำเร็จทางการศึกษาและทางสังคมของเด็กเมื่อเข้าสู่อายุยี่สิบถึงสามสิบปี
คุณ Rabe กล่าวว่าผลการวิจัยพบว่าการเลี้ยงลูกอย่างละเอียดอ่อนในช่วงสามปีแรกของชีวิตเด็กมีผลดีแก่พัฒนาการทางวิชาการทั้งในวัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ผลดีที่ว่านี้ไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไป
บรรดาผู้ที่อยู่ในการศึกษานี้เกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ ส่วนใหญ่เกิดกับมารดาที่ไม่ได้แต่งงาน ครึ่งหนี่งเป็นแม่วัยรุ่นและทั้งหมดยากจน ดังนั้นผลการศึกษานี้ช่วยชี้ว่าแม้พ่อแม่จะยากจนแต่พวกเขาสามารถเลี้ยงดูลูกให้กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
ผลการศึกษาของคุณ Lee Rabe และทีมวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Child Development ไปเมื่อเร็วๆ นี้