โครงการสำรวจในกัมพูชาพบว่าการทำร้ายเด็กทางร่างกายและทางเพศเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางโดยประมาณว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรเด็กเคยประสบกับการทำร้ายทางร่างกายรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนถึงเมื่ออายุ 18 ปี
ผลการสำรวจที่สนับสนุนโดยองค์การสหประชาชาตินี้พบว่าหนึ่งในสี่ของเด็กกัมพูชาถูกทำร้ายทางอารมณ์โดยพ่อแม่และญาติใกล้ชิดในขณะที่มีผู้หญิงและผู้ชายชาวกัมพูชา 5 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าเคยถูกทำร้ายทางเพศตอนเป็นเด็ก
คุณ Marta Santos Pais ผู้แทนพิเศษแห่งสหประชาชาติต่อปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก กล่าวว่า ผลการสำรวจที่ได้เน้นย้ำเด็กมักปิดปากเงียบเมื่อตกเป็นเหยื่อการทำร้ายทางร่างกาย จิตใจและทางเพศ ส่งผลให้ก่อเกิดเป็นเป็นวัฐจักรของความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนรุ่นต่อไป
ผู้แทนพิเศษแห่งสหประชาชาติต่อปัญหาความรุนแรงต่อเด็กกล่าวว่า เป็นที่น่ากังวลเพราะเด็กหญิงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์และเด็กชายกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ปิดปากเงียบไม่ยอมบอกใครว่าตนเองถูกทำร้ายทางร่างกาย ทางเพศและทางจิตใจ ในหลายประเทศ ความรุนแรงต่อเด็กกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นไม่จบสิ้นและสืบต่อเนื่องกันเป็นรุ่นๆ
ในเอเชีย คุณ Santos Pais ยังได้พบกับเจ้าหน้าที่ทางการลาวซึ่งกำลังเริ่มปฏิบัติงานตามแผนระดับชาติต่อต้านความรุนแรงแก่ผู้หญิงและเด็ก คุณ Santos Pais ชี้ว่าแผนปฏิบัติดังกล่าวนี้จะช่วยปรับปรุงมาตรการปกป้องเด็กในลาวให้ดีขึ้น
สหรัฐอเมริกาและยุโรปได้จัดทำการศึกษาหลายครั้งเกี่ยวกับความรุนแรงต่อเด็กและได้บังคับใช้มาตรการทางกฏหมายหลายอย่างเพื่อลงโทษผู้ทำร้ายเด็กและยังหาทางช่วยเหยื่อเยียวยาทางจิตใจ
คุณ Santos Pais ผู้แทนพิเศษแห่งสหประชาชาติด้านความรุนแรงต่อเด็กกล่าวว่าหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิกได้ออกมาหาทางแก้ปัญหานี้กันมากขึ้น คุณ Pais กล่าวว่าแม้ข้อมูลที่พบเป็นเพียงส่วนน้อยนิดของปัญหาเท่านั้น แต่ก็สร้างความน่ากังวลเป็นอย่างมากและปัญหานี้แตกต่างไปในแต่ละจุดของโลก ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สหประชาชาติรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นเพราะทางการในหลายประเทศใส่ใจกับนโยบายในการแก้ปัญหานี้
อย่างไรก็ตาม คุณ Santos Pais กล่าวว่าผลการสำรวจหลายชิ้นในระดับทั่วโลกถึงปัญหาการทำร้ายเด็กที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวและภายในโรงเรียนพบว่ายังขาดความคืบหน้าในเรื่องการสอบสวนหรือเอาผิดกับคนกระทำผิดที่อยู่ในสถาบันที่ใกล้ชิดและรับผิดชอบต่อการดูแลปกป้องเด็ก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว โรงเรียนหรือเจ้าหน้าที่ทางกฏหมาย