บทความในหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal บอกว่า แนวทางใหม่ที่ผู้บริหารธุรกิจกำลังให้ความสนใจมากในเวลานี้ คือการเน้นย้ำเชิงบวก โดยเฉพาะในการประเมินผลการทำงานของลูกจ้างพนักงาน
เป้าหมายคือหลีกเลี่ยงการทำลายความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะจะทำให้การทำงานของลูกจ้างพนักงานเลวลงได้
แนวโน้มใหม่นี้ต้องการให้ผู้จัดการหรือหัวหน้างาน ยกย่องจุดแข็งของลูกน้อง รวมทั้งสามารถให้คำแนะนำ ลูกน้องว่าจะใช้ทักษะของตนกับงานที่ไม่ถนัดได้อย่างไรบ้าง และบางบริษัทไม่อยากให้ผู้จัดการหรือหัวหน้างานพูดถึงจุดอ่อนที่ควรปรับปรุงของลูกน้องมากกว่าหนึ่งหรือสองจุดด้วยซ้ำไป
นักวิชาการอย่างอาจารย์ Sheila Heen ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย Harvard และเป็นผู้ร่วมเขียนหนังสือ “Thanks for the Feedback” บอกว่าพนักงานลูกจ้างส่วนใหญ่ รู้สึกว่าผู้บริหารไม่ค่อยจะเห็นความสำคัญของพวกตน และสำหรับลูกจ้างหนุ่มสาวสมัยนี้ คำตำหนิวิพากษ์ที่ได้รับฟัง จะกลบคำชมเชยหรือการฝึกสอนงาน
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ Sheila Heen บอกว่า การเน้นย้ำเชิงบวก หรือพูดถึงแต่ส่วนที่ดีนั้น จะต้องสมดุลกับการประเมินผล เพราะยังไงๆ ลูกน้องก็อยากจะรู้ด้วยว่า ตนทำงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน
แนวโน้มใหม่นี้ ต่างจากแนวทางปฏิบัติที่เคยเป็นมาในอดีต Maynard Webb ซึ่งเวลานี้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการของบริษัท Yahoo เล่าว่า เขาเคยถูกผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัท IBM ตวาดใส่เมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้ว ทำให้เขาต้องทำใจมุ่งหน้าทำงานต่อไป ซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้ ผู้บริหารคนนั้นอาจถูกลงโทษทางวินัย เพราะความคาดหมายของคนสมัยนี้เปลี่ยนไปแล้ว
แต่บริษัทใหญ่ๆ ที่ยังยึดมั่นกับวัฒนธรรมองค์กรแบบเก่าก็ยังมีอยู่ อย่างบริษัท Netflix ซึ่งผู้บริหารเปรียบเทียบการทำงานของลูกจ้างพนักงานเสมือนกับทีมนักกีฬาอาชีพ โดยมีหลักการว่า การเล่นได้ดีพอนั้น ไม่ดีพอ
แต่ดูเหมือนว่า แนวโน้มใหม่ที่ให้เน้นย้ำเชิงบวกกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น และบริษัท Gallup ได้พัฒนามาตรวัดใหม่ขึ้นมา เรียกว่า StrengthsFinder ซึ่งจะวัดทักษะของบุคคลในด้านต่างๆรวม 34 ด้านด้วยกัน
หลายบริษัทธุรกิจ รวมทั้ง Facebook ใช้มาตรวัดที่ว่านี้กับลูกจ้างพนักงานของตน ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-30 ปีเท่านั้น
รายงานของ Wall Street Journal ระบุชื่อหลายบริษัทที่กำลังผลักดันแนวโน้มใหม่นี้ ที่น่าสังเกต คือส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจประเภทให้คำแนะนำ เช่น PricewaterhouseCoopers หรือบริษัทประเภท IT และ E-commerce