ภาพของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ชูกำปั้นขณะมีเลือดบนใบหน้าท่ามกลางเจ้าหน้าที่อารักขา ใต้ธงชาติอเมริกันโบกสะบัดกลางท้องฟ้า กลายเป็นภาพที่ผู้คนจดจำได้ดีจากเหตุการณ์ความพยายามลอบสังหารทรัมป์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ภาพดังกล่าวถูกถ่ายไว้โดยเอวาน วุชชี ผู้สื่อข่าวของเอพี ซึ่งเก็บภาพได้ทันทีขณะเกิดเหตุ ซึ่งตัวเขาเองกล่าวว่า เขารู้ทันทีว่านี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์และจำเป็นต้องได้รับการบันทึกไว้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
สื่อหลายสำนักในสหรัฐฯ ระบุว่า ภาพนี้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการเมืองอเมริกัน และนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าภาพนี้จะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่บางคนพูดถึงพลังของภาพถ่ายในยุคที่ทุกอย่างมักถูกบันทึกไว้ด้วยวิดีโอ
รอน เบอร์เนตต์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปะและการออกแบบ เอมิลี คารร์ (Emily Carr University of Art and Design) ที่นครแวนคูเวอร์ แคนาดา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรูปภาพ กล่าวกับวีโอเอว่า "ความโดดเด่นของภาพถ่ายไม่ควรถูกมองข้าม เพราะภาพที่กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่นั้นมีผลกระทบที่ใหญ่หลวงมากกว่าความจริงเสียอีก ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่ากลัว"
ผู้เชี่ยวชาญด้านรูปภาพผู้นี้ชี้ว่า ภาพของทรัมป์ในวันเกิดเหตุลอบสังหารนั้นสร้างแรงกระเพื่อมด้านบวกให้กับการหาเสียงเลือกตั้งของเขาอย่างแน่นอน "ภาพดังกล่าวเข้ากันได้ดีกับสิ่งที่ทรัมป์แสดงออกมาตลอดการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งเขามองว่าเป็นการต่อสู้ในสมรภูมิ ภาพที่แสดงออกมาในวันนั้นยิ่งเน้นย้ำว่าตัวเขากำลังอยู่ในสงคราม และอยู่ท่ามกลางภัยอันตราย"
สุบรามาเนียม วินเซนต์ ผอ.ศูนย์วารสารศาสตร์และจริยธรรมสื่อ มหาวิทยาลัยซานตาคลารา ชี้ว่า ภาพที่แสดงให้ถึงช่วงเวลาสำคัญนี้จะมีบทบาทอย่างยิ่งต่อการเมืองอเมริกันต่อจากนี้ ซึ่งก็ขึ้นกับการตีความภาพนี้ในมุมที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม การเมือง อาวุธปืน และความรุนแรงในอเมริกา
และในขณะที่สื่อต่าง ๆ พยายามรายงานข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์นี้ ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและข่าวปลอม รวมทั้งทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ ก็แพร่กระพืออย่างรวดเร็วทางอินเทอร์เน็ตเช่นกัน
ข้อมูลจากสำนักวิเคราะห์เนื้อหาทางไซเบอร์ PeakMetrics แสดงให้เห็นว่า ในชั่วโมงแรก ๆ หลังเหตุลอบสังหาร ชื่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกพูดถึงอย่างล้นหลามในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อหาที่แสดงความเห็นใจและห่วงใย แต่ปริมาณข่าวปลอมและทฤษฎีสมคบคิดที่พุ่งขึ้นอย่างมากเช่นกัน
- ที่มา: วีโอเอ
