ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สภาล่างสหรัฐฯ เริ่มอภิปรายถอดถอน 'ทรัมป์' รอบสอง - รีพับลิกันยังเสียงแตก


Members of the National Guard gather at the U.S. Capitol as the House of Representatives prepares to begin the voting process on a resolution demanding U.S. Vice President Pence and the cabinet remove President Trump from office, in Washington, U.S., Janu
Members of the National Guard gather at the U.S. Capitol as the House of Representatives prepares to begin the voting process on a resolution demanding U.S. Vice President Pence and the cabinet remove President Trump from office, in Washington, U.S., Janu

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เริ่มกระบวนการอภิปรายเพื่อลงมติว่าจะยื่นถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นครั้งที่สองหรือไม่ สืบเนื่องจากเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แม้พรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและสามารถลงมติรับรองการถอดถอนผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันได้ทันที แต่ก็มีสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนที่รับปากว่าจะเข้าร่วมรับรองกระบวนการถอดถอนครั้งนี้ด้วย รวมทั้ง ส.ส.ลิซ เชนีย์, ส.ส.จอห์น แคตโก ส.ส.เฟรด อัพตัน และ ส.ส.อดัม คินซิงเกอร์

อย่างไรก็ตาม ผู้นำพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เควิน แม็คคาร์ธีย์ กล่าวว่า การถอดถอนประธานาธิบดีในช่วงนี้จะส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อความพยายามผสานความแตกแยกภายในประเทศ

ขณะที่โฆษกประจำตัวของผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ส.ว.มิตช์ แม็คคอนแนลล์ กล่าวว่า ส.ว.แม็คคอนแนลล์ยังไม่ต้องการให้มีการประชุมฉุกเฉินของวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่ออภิปรายเรื่องการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์แต่อย่างใด

พรรคเดโมแครตกล่าวหาว่าประธานาธิบดีทรัมป์ "ปลุกปั่นให้เกิดจลาจล" ในเหตุการณ์ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่แล้ว

แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวระหว่างการเยือนชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก ในวันอังคารว่า "กระบวนการถอดถอนจะทำให้เกิดความโกรธแค้น ความแตกแยกและความเจ็บปวดเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจ ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญนี้" พร้อมเรียกร้องให้เกิดความสงบและสันติ

ปธน.ทรัมป์ระบุว่า ความพยายามถอดถอนเขาเป็น “การล่าแม่มดอย่างต่อเนื่องครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง” โดยเป็นการอ้างอิงถึงกระบวนการสืบสวนที่พุ่งเป้ามายังเขาก่อนหน้านี้ ทั้งการแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซียเมื่อปีค.ศ. 2016 และความพยายามถอดถอนเขาเมื่อปีค.ศ. 2019 หลังเขาขอให้ยูเครนช่วยขุดคุ้ยข้อมูลของอดีตรองปธน.ไบเดนในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติประกาศให้ปธน.ทรัมป์ พ้นผิดทุกญัตติถอดถอน

หากสภาล่างลงมติว่าให้เริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ญัตติดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังสภาสูงซึ่งต้องการเสียง 2 ใน 3 ของวุฒิสมาชิกทั้งหมดเพื่อให้ญัตติถอดถอนมีผลบังคับใช้

อย่างไรก็ตาม สภาล่างอาจชะลอการยื่นเรื่องถอดถอนออกไปหลังจากที่นายโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งแล้ว ซึ่งการถอดถอนหลังที่ทรัมป์พ้นตำแหน่งจะมีผลให้เขาไม่สามารถลงสมัครเป็นประธานาธิบดีได้อีกครั้งในสมัยหน้า

นอกจากการยื่นญัตติถอดถอนแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่รัฐสภาสามารถทำได้ในความพยายามถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ คือการกดดันให้คณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีทรัมป์ ใช้สิทธิตามบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯฉบับที่ 25 เพื่อถอดถอนผู้นำสหรัฐฯ ออกจากตำแหน่ง

ซึ่งในการลงมติเมื่อคืนวันอังคาร สภาล่างมีมติ 223 - 205 ให้ผ่านญัตติกดดันรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรี ให้ใช้บทแก้ไขในรัฐธรรมนูญดังกล่าว

แต่รองประธานาธิบดีเพนซ์ได้ส่งจดหมายถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.แนนซี เพโลซี ตั้งแต่ก่อนการลงมติ ว่าตนจะไม่ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีแต่อย่างใด

XS
SM
MD
LG