บริษัทใหญ่ ๆ ในอเมริกากำลังตีตัวออกห่างจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และพันธมิตรในพรรครีพับลิกัน หลังจากเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โคคา-โคลา, ฟอร์ด, อเมริกันเอ็กซเพลส, โรงแรมแมร์ริออตต์ ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส และธนาคารโกลด์แมน แซคส์ คือส่วนหนึ่งของบริษัทที่ประกาศระงับการบริจาคเงินให้แก่พรรครีพับลิกันชั่วคราว เพื่อแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนความรุนแรงและการประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายชนะ
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การระงับเงินบริจาคจากบริษัทเหล่านี้อาจไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทางการเมืองของพรรครีพับลิกันมากนัก เพราะถือเป็นรายได้ส่วนเล็กน้อยของพรรคการเมืองเก่าแก่นี้ แต่ถือเป็นแสดงจุดยืนเชิงสัญลักษณ์ในทางการเมืองในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านอำนาจบริหารไปสู่รัฐบาลชุดใหม่
เอริค กอร์ดอน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายและธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน เชื่อว่า บริษัทส่วนใหญ่จะระงับการบริจาคเงินไปจนถึงปีหน้า เมื่อการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ช่วงกลางเทอมวนกลับมา ซึ่งบริษัทเหล่านั้นก็ยินดีจะเซนต์เช็คก้อนใหม่ให้กับพรรคการเมืองอีกครั้ง
ในส่วนของบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ดูเหมือนยิ่งไปยืนที่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์มากขึ้นหลังเหตุการณ์จลาจล รวมทั้งการปิดบัญชีของทรัมป์ในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้ง เฟสบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ ขณะที่เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ Shopify ก็ปิดช่องทางการขายสินค้าของคณะหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ด้วย
นอกจากนี้ บรรดาสมาคมผู้ประกอบการต่าง ๆ รวมทั้ง สมาคมผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมแห่งชาติ และสมาคมหอการค้าอเมริกัน ต่างออกมาประณามเหตุจลาจลครั้งนี้เช่นกัน