การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการทำงานของผู้คนทั่วโลกไปตลอดกาล และคนรุ่นใหม่ที่อาจจะเริ่มต้นเส้นทางการทำงานหรือกำลังเติบโตในหน้าที่การงาน ต่างปรับตัวเข้ากับการทำงานจากที่บ้านได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นความนิยมกระแสหลักของคนกลุ่มนี้ไปแล้ว
ตามข้อมูลการสำรวจของสำนักสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐฯ ระบุว่า คนที่ทำงานจากที่บ้านเริ่มเปลี่ยนไปในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยผู้ที่ทำงานจากบ้านเป็นคนที่มีอายุน้อยลง มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ มีระดับการศึกษาดีขึ้น และมีแนวโน้มที่จะย้ายถิ่นฐานมากขึ้น
ตามรายงานที่เผยแพร่ในเดือนเมษายน โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจชุมชนอเมริกัน สัดส่วนของแรงงานในสหรัฐฯ ที่ทำงานจากที่บ้านเพิ่มขึ้นจาก 5.7% ในปี 2019 เป็น 17.9% ในปี 2021 เนื่องจากข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
รายงานยังระบุว่า “การเพิ่มขึ้นของผู้ทำงานที่ทำงานที่บ้าน สอดคล้องกับการลดลงของผู้ขับรถยนต์ ผู้ที่ร่วมโดยสารรถยนต์ไปในเส้นทางเดียวกัน หรือ คาร์พูล ผู้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และผู้ใช้พาหนะเพื่อการเดินทางสัญจรประเภทอื่น ๆ ”
นอกจากนี้ รายงานชี้ว่า ในช่วงปี 2019 ถึง 2021 สัดส่วนของคนทำงานที่บ้านที่มีอายุ 25-34 ปีเพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 23% ส่วนคนที่ทำงานที่บ้านและเป็นคนเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันเพิ่มขึ้นจาก 7.8% เป็น 9.5% และสำหรับคนเชื้อสายเอเชีย เพิ่มขึ้นจาก 5.7% เป็น 9.6% ในขณะที่ตัวเลขของแรงงานชาวฮิสแปนิกไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อมองปัจจัยด้านการศึกษา สัดส่วนของคนที่ทำงานที่บ้านที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ปรับเพิ่มจากระดับเกินครึ่งหนึ่ง มาเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 และคนที่ทำงานที่บ้านมีโอกาสย้ายถิ่นฐานในปีที่ผ่านมา มากกว่าคนที่เดินทางไปทำงานปกติ
เมื่อดูเป็นรายอุตสาหกรรมจะพบว่า ผู้ที่ทำงานที่บ้านมากที่สุด คือ กลุ่มที่ทำงานด้านข้อมูล ปรับเพิ่มขึ้นจาก 10.4% เป็น 42% และกลุ่มทำงานด้านการเงิน ประกันภัยและอสังหาริมทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้นจาก 10.8% เป็น 38.4% ส่วนกลุ่มงานธุรการเพิ่มขึ้นจาก 12.6% เป็น 36.5%
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดในแง่การทำงานจากที่บ้าน ได้แก่ การเกษตรและเหมืองแร่ ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจอาหาร รวมถึงด้านกองทัพ
แม้ว่าทุกระดับรายได้จะเห็นการเพิ่มขึ้นในการทำงานจากที่บ้าน แต่คนที่อยู่ในกลุ่มรายได้สูงสุดมักจะมีโอกาสทำงานจากบ้านมากที่สุด การทำงานจากที่บ้านสำหรับคนงานที่อยู่ในกลุ่มรายได้ต่ำสุด เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 2019-2021 แต่ในรายงานกลับพบว่า คนงานที่อยู่ในกลุ่มรายได้สูงสุดทำงานมากขึ้นถึง 3 เท่าตัว
การทำงานจากที่บ้านยังแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ภายในปี 2021 การทำงานจากที่บ้านมีอยู่มากที่สุดในพื้นที่ฝั่งตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนประมาณหนึ่งในห้าของจำนวนแรงงาน ขณะที่ทางตอนใต้ของสหรัฐฯ มีสัดส่วนอยู่ที่ 16.2% และพื้นที่ตอนกลางอยู่ที่ 15.8% ความแตกต่างนี้อาจเกิดจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การกระจุกตัวของกลุ่มงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่อยู่บริเวณเมืองแถบชายฝั่ง และวิถีการเดินทางของผู้คน ไม่ว่าจะทางรถยนต์หรือระบบขนส่งสาธารณะ
พื้นที่เมืองใหญ่ที่เน้นหนักไปที่งานด้านเทคโนโลยี อย่างนครซานฟรานซิสโกและเมืองซานโฮเซ ในปี 2021 มีมากกว่าหนึ่งในสามของแรงงานทำงานจากที่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเมืองใหญ่ ที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 1 ล้านคน
เนื่องจากข้อจำกัดการแพร่ระบาดส่วนใหญ่ถูกยกเลิกไปตั้งแต่การสำรวจในปี 2021 จึงยังไม่มีความแน่ชัด ว่าการเพิ่มขึ้นของการทำงานจากที่บ้านนั้น จะเป็นไปอย่างถาวรหรือไม่
ในรายงานให้ความเห็นว่า “หากเป็นเพียงชั่วคราว การระบาดของโควิด-19 ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกี่ยวกับสถานที่ทำงานของคนในสหรัฐฯ ด้วยความสำคัญของการทำงานและการเดินทางในชีวิตของชาวอเมริกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า การยอมรับการทำงานจากที่บ้านอย่างแพร่หลาย เป็นลักษณะเฉพาะของยุคโรคระบาด”
- ที่มา: เอพี