สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือ รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นเวทีโต้อภิปราย หรือ ดีเบต ครั้งแรกในคืนวันอังคารที่ 10 กันยายนนี้ ที่นครฟิลาเดลเฟีย โดยมีหลายประเด็นที่น่าจับตามอง
ผู้สมัครทั้งสองคนยังไม่เคยพบพูดคุยกันมาก่อน แต่ในวันอังคารนี้ ทั้งคู่จะต้องยืนอยู่บนเวทีเดียวกันที่ศูนย์ประชุม National Constitution Center ในฟิลาเดลเฟีย เพื่อโต้คารมกันเป็นเวลา 90 นาที พร้อมไปกับการตอบคำถามผู้ดำเนินรายการสองคนจากสถานีข่าว เอบีซีนิวส์ คือ เดวิด เมียร์ และลินซีย์ เดวิส
คาดว่าจะมีคนอเมริกันเฝ้าหน้าจอชมการดีเบตครั้งนี้หลายสิบล้านคน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นการดีเบตเพียงครั้งเดียวของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือนก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย. รวมทั้งการเลือกตั้งล่วงหน้าที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าในบางรัฐ
คะแนนนิยมใครดีกว่า?
ผลการสำรวจความนิยมทั่วประเทศล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ทั้งคู่มีคะแนนที่สูสีกันมาก ดังนั้นการดีเบตครั้งนี้จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในแง่ของการดึงคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
ผลสำรวจของ New York Times-Siena College ชี้ให้เห็นว่า ทรัมป์มีคะแนนนำแฮร์ริส 48 - 47% ทั่วประเทศ ในขณะที่แฮร์ริสนำหน้าเล็กน้อยในผลโพลล์เฉลี่ยของ 3 รัฐสำคัญที่เป็นรัฐสมรภูมิ หรือ battleground state ได้แก่ รัฐวิสคอนซิน มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย ส่วนในรัฐสมรภูมิอีก 4 รัฐ คือ แอริโซนา จอร์เจีย เนวาดา และนอร์ธแคโรไลนา ทั้งคู่มีคะแนนเท่ากัน
นักวิเคราะห์เชื่อว่า รัฐสมรภูมิทั้ง 7 รัฐดังกล่าวจะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้งว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของอเมริกา
โพลล์ของ New York Times-Siena College ชี้ด้วยว่า การดีเบตในคืนวันอังคารนี้มีความสำคัญยิ่งยวดต่อแฮร์ริสในการแนะนำตัวเองต่อประชาชนอเมริกัน เนื่องจาก 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาต้องการรู้จักรองปธน.คนปัจจุบันให้มากกว่านี้ เทียบกับ 9% ที่บอกว่าต้องการรู้จักทรัมป์มากขึ้น
เตรียมตัวก่อนขึ้นเวทีดีเบต
รองปธน.แฮร์ริส เตรียมตัวสำหรับการดีเบตครั้งนี้ด้วยการซ้อมโต้อภิปรายหลายครั้งกับคนที่มีลักษณะคล้ายทรัมป์ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่จัดให้เหมือนยืนอยู่บนเวทีจริงและมีผู้ดำเนินรายการคอยถามคำถามต่าง ๆ
ขณะที่อดีตปธน.ทรัมป์ เน้นรับฟังสรุปนโยบายสำคัญ ๆ จากบรรดาที่ปรึกษา และซ้อมดีเบตกับคนที่มีลักษณะคล้ายแฮร์ริสเช่นกัน
แอรอน คอลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดีเบตจากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน (University of Michigan) กล่าวกับวีโอเอว่า "คืนวันอังคารนี้คือหนึ่งในการดีเบตที่มีผู้เฝ้ารอชมมากที่สุดและจะมีผลต่อเนื่องมากที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมา ทรัมป์คือผู้ที่ผ่านประสบการณ์โต้อภิปรายในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็มีประวัติการถูกวิจารณ์จากการกล่าวถึงคู่แข่งบนเวทีดีเบตมาไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากประเด็นด้านนโยบายที่สำคัญต่าง ๆ ได้"
สำหรับรองปธน.แฮร์ริส ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้บอกว่า เธอเพิ่งเข้าสู่การแข่งขันเมื่อเดือนกรกฎาคม และ "เธอต้องแสดงให้เห็นว่าเธอสามารถชี้ถึงความผิดพลาดของทรัมป์ในการดำรงตำแหน่งสมัยแรกและการกระทำของเขาในช่วงที่ผ่านมาได้" และว่า "ทรัมป์คือผู้เชี่ยวชาญการโต้กลับ และเขาอาจใช้กลยุทธ์เผาทุกอย่างให้สิ้น หากเขารู้สึกว่าถูกโจมตีอย่างไม่เป็นธรรมบนเวทีดีเบต"
แอรอน คอลล์ กล่าวเสริมด้วยว่า "ผู้สมัครทั้งสองคนควรเน้นย้ำถึงประวัติความสำเร็จของตนเอง และทักษะที่โดดเด่นที่เหมาะสมต่อการนำพาประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า"
กติกาการดีเบต
กติกาที่นำมาใช้ในการดีเบตครั้งนี้จะเหมือนกับการดีเบตครั้งที่แล้วระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับทรัมป์ เมื่อเดือนมิถุนายน ที่นครแอตแลนตา ก่อนที่ไบเดนจะประกาศถอนตัว
ไมโครโฟนของผู้สมัครจะถูกปิดไว้ในขณะที่อีกคนกำลังพูดอยู่ โดยทั้งคู่จะมีเวลาคนละสองนาทีในการตอบคำถามแต่ละข้อของผู้ดำเนินรายการ และหนึ่งนาทีสำหรับการตอบโต้อีกฝ่ายหนึ่ง
ประเด็นสำคัญที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาโต้คารมกัน คือ สิทธิในการทำแท้ง, ผู้อพยพบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ ติดเม็กซิโก, อัตราการเกิดอาชญากรรมในประเทศ รวมทั้งบุคลิกภาพส่วนตัวของผู้สมัคร เป็นต้น
- ที่มา: วีโอเอ