สองพรรคใหญ่ของสหรัฐฯ คือ พรรครีพับลิกัน และเดโมแครต ต่างแสดงความกังวลต่อ "ความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง" ก่อนที่จะถึงวันลงคะแนน 5 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่กระบวนการลงทะเบียนเลือกตั้ง การเข้าคูหา การนับคะแนนและการรับรองผล
ที่ผ่านมา ทั้งสองพรรคต่างกล่าวหากันและกันว่าไม่ซื่อตรงในการเลือกตั้งครั้งนี้ เช่น พรรคเดโมแครตกล่าวหาพรรครีพับลิกันว่าจำกัดการเข้าถึงคูหาเลือกตั้ง และวางแผนขัดขวางการรับรองผล
ขณะที่พรรครีพับลิกันกล่าวหาเช่นกันว่า เดโมแครตก้าวก่ายการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า แทรกแซงการทำงานของเครื่องลงคะแนนอัตโนมัติ และยินยอมให้ผู้ที่คุณสมบัติไม่เหมาะสมสามารถเข้าคูหาได้
ในส่วนของตัวผู้สมัครเอง อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องคดีอาญาจากกรณีที่พยายามคว่ำผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่าตนไม่ได้พ่ายแพ้ต่อโจ ไบเดน เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส
ด้านรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต กล่าวหาทรัมป์ว่าบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในการเลือกตั้ง พร้อมสัญญาว่าเธอจะยึดมั่นต่อหลักการพื้นฐานของประชาชนอเมริกัน "ตั้งแต่การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม และการถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบสันติ"
รับมือเหตุจลาจล
เวลานี้ หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เริ่มการฝึกฝนที่จำเป็นสำหรับการรับมือเหตุจลาจลหลังการเลือกตั้ง เพื่อป้องกันเหตุการร์ลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้ง
การฝึกซ้อมดังกล่าวมีหลายหน่วยงานเข้าร่วม รวมทั้ง เอฟบีไอ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สำนักผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ กองบัญชาการไซเบอร์ของสหรัฐฯ ตลอดจนเจ้าหน้าที่เลือกตั้งทั้งระดับรัฐและระดับท้องถิ่น
เบน ฮอฟแลนด์ ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือด้านการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระสังกัดรัฐบาลอเมริกัน เชื่อว่า ระบบการจัดการที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี "เราผ่านการจัดเลือกตั้งขั้นต้นมาได้ทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศ ดังนั้น เจ้าหน้าที่เลือกตั้งต่างมีประสบการณ์การฝึกฝนมาแล้ว เราคิดว่าเราสามารถรับมือการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ได้"
และเมื่อวีโอเอสอบถามว่า อะไรคือสิ่งที่น่ากังวลในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้ ฮอฟแลนด์ตอบว่า ยังคงมีความท้าทายหลายอย่าง โดยเฉพาะในช่วงปีหลัง ๆ และจำเป็นต้องมีเงินทุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลในการยกระดับความเที่ยงธรรมของการเลือกตั้ง
บรรดาเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งในหลายรัฐต่างคาดหวังว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะไม่วุ่นวายเหมือนการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
แอรอน อัมมอนส์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลส่วนท้องถิ่นเขตแชมเปญเคาน์ตี รัฐอิลลินอยล์ กล่าวว่า ภัยคุกคาม การข่มขู่ และคดีความต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่เลือกตั้งและอาสาสมัครจำนวนมากตัดสินใจลาออก "เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่นี้หากเราไม่ได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในการปฏิบัติภารกิจในแนวหน้าเพื่อประชาธิปไตย"
ด้าน เอริค เฟย์ ผอ.การเลือกตั้งที่เขตลูอิสเคาน์ตี รัฐมิสซูรี ชี้ว่า เพื่อรับกระกันความโปร่งใสต่อประชาชน เจ้าหน้าที่เลือกตั้ง และผู้สมัครของแต่ละพรรค เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเชิญพวกเขามาร่วมสังกตุการณ์การเลือกตั้งในทุกขั้นตอน
ที่รัฐจอร์เจีย หนึ่งในรัฐสมรภูมิ หรือ Battleground state ที่ทรัมป์และแฮร์ริสมีคะแนนคู่คี่สูสีกันมากในหลายโพลล์ ทางพรรคเดโมแครตได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้ยับยั้งกฎเลือกตั้งใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ดูแลการเลือกตั้งในแต่ละเคาน์ตีสามารถชะลอหรือยกเลิกกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งได้ ซึ่งเกรงว่าอาจนำไปสู่ความวุ่นวายหลังการเลือกตั้งจบลงแล้ว
ทั้งนี้ อดีตปธน.ทรัมป์ ถูกฟ้องร้องคดีอาญาที่รัฐจอร์เจียจากความพยายามคว่ำผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 และโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่รัฐนี้ประกาศว่าตนคือผู้ชนะ แม้ว่าในความเป็นจริงทรัมป์จะพ่ายแพ้ให้แก่โจ ไบเดน ที่รัฐนี้ก็ตาม
ส่วนที่รัฐโคโลราโด ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นส่วนใหญ่สังกัดพรรครีพับลิกัน แต่มีแนวโน้มว่าแฮร์ริสจากพรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้งที่รัฐนี้ กำลังมีความกังวลว่าอาจมีการชะลอการประกาศผลการนับคะแนนออกไป ด้วยเหตุผลเรื่องความไม่โปร่งใสของเครื่องนับคะแนนอัตโนมัติที่ถูกนำมาใช้แทนการนับคะแนนด้วยมือเหมือนในอดีต
- ที่มา: วีโอเอ