ลิ้งค์เชื่อมต่อ

'แฮร์ริส' ชูผลงานศก.รัฐบาลไบเดน - 'ทรัมป์' สวนต้นเหตุเงินเฟ้อ


รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส กล่าวปราศรัยที่นครฮูสตัน วันที่ 25 ก.ค. 2024
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส กล่าวปราศรัยที่นครฮูสตัน วันที่ 25 ก.ค. 2024

รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ เดินสายหาเสียงช่วงสุดสัปดาห์โดยมุ่งเน้นชูผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน รวมทั้งการแก้ปัญหาความยากจน สนับสนุนสหภาพแรงงาน ลดต้นทุนประกันสุขภาพและการดูแลบุตร

อย่างไรก็ตาม ในการปราศรัยที่รัฐวิสคอนซิน อินเดียนา และเท็กซัส รองปธน.แฮร์ริส มิได้กล่าวถึงคำว่า "เงินเฟ้อ" ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญทางเศรษฐกิจของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อประชาชนต่างออกมาตำหนิวิจารณ์ค่าครองชีพและราคาสินค้าบริการที่สูงขึ้น

ด้านพรรครีพับลิกันก็เริ่มเดินเกมกล่าวหาแฮร์ริสว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อภายใต้การทำงานของรัฐบาลพรรคเดโมแครต

ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ชี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในอเมริกาเพิ่มขึ้น 19.2% นับตั้งแต่ไบเดนขึ้นบริหารประเทศ ในขณะที่รายได้เฉลี่ยของคนอเมริกันเพิ่มขึ้น 16.9% ในช่วงเวลาเดียวกัน

สว.มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า "รองประธานาธิบดีแฮร์ริสมีส่วนทำให้เกิดตัวเลขนี้ขึ้น... ลายนิ้วมือของเธอติดอยู่ในทุกความล้มเหลวในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา"

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บางคนที่เคยทำงานกับแฮร์ริส เชื่อว่าคำกล่าวหาเรื่องต้นเหตุเงินเฟ้อจะไม่ติดตัวแฮร์ริสไปด้วยในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมากมองว่าเธอคือทางเลือกที่สดใหม่กว่า เทียบกับ 8 ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลของทรัมป์และไบเดน

เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวกับวีโอเอว่า นโยบายด้านงบประมาณของแฮร์ริสไม่น่าจะแตกต่างจากของปธน.ไบเดน และเธอยังมีแผนจะเพิ่มภาษีภาคธุรกิจจาก 21% เป็น 28%

เวลานี้ ทรัมป์ และ สว.เจดี แวนซ์ ผู้ลงสมัครเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน กำลังมุ่งโจมตีแฮร์ริสว่ามีแนวคิดเสรีนิยมยิ่งกว่าไบเดน และเธอจะนำนโยบายลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลมาใช้อย่างเข้มงวด แล้วหันไปสนับสนุนพลังงานสะอาดมากขึ้น

ในการหาเสียงที่รัฐนอร์ธแคโรไลนาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์กล่าวว่า แฮร์ริสคือ "รองปธน.ที่ไร้ความสามารถและเอียงซ้ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา"

ส่วน สว.แวนซ์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ว่า "เราจะไม่ยอมให้คนที่จะทำลายภาคการผลิตและพลังงานของอเมริกาขึ้นครองอำนาจได้"

ทั้งนี้ ความเสี่ยงด้านนโยบายเศรษฐกิจที่แฮร์ริสอาจเผชิญ คือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะมองทิศทางเงินเฟ้อและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่ายังคงมีความไม่แน่นอนสูงและอาจเกิดอะไรขึ้นได้มากมายในช่วงก่อนการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.

เบอร์นาร์ด ยารอส นักเศรษฐศาสตร์แห่ง Oxford Economics ชี้ว่า คำถามคือแฮร์ริสจะเปลี่ยนการรับรู้ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจได้อย่างไร? เพราะที่ผ่านมา คะแนนนิยมของเธอและปธน.ไบเดน ล้วนได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะเงินเฟ้อสูงเมื่อปี 2021 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

  • ที่มา: เอพี
XS
SM
MD
LG