ลิ้งค์เชื่อมต่อ

จับตาใครจะสมัครคู่ 'คามาลา แฮร์ริส' ในตำแหน่งรองปธน.?


รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส กล่าวที่ทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2024
รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส กล่าวที่ทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2024

หลังจากการประกาศถอนตัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากการชิงชัยตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยหน้า และหันไปสนับสนุนรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ให้ลงแข่งแทนตนเอง คำถามสำคัญที่ปกคลุมบรรยากาศการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในขณะนี้คือ ใครที่จะลงสมัครคู่กับเธอ

รายงานระบุว่า ขณะนี้คณะหาเสียงของแฮร์ริสได้ขอให้อดีตรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ เอริค โฮลเดอร์ และคณะทำงานด้านกฎหมายของเขา ตรวจสอบประวัติของรายชื่อแคนดิเดตในพรรคเดโมแครตที่อาจได้รับเลือกให้ลงสมัครคู่กับคามาลา แฮร์ริส ในตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพื่อแข่งขันกับคู่ของโดนัลด์ ทรัมป์ และ เจ ดี แวนซ์ ตัวแทนของพรรครีพับลิกัน

โดยผู้ที่อยู่ในข่ายนั้นรวมถึงผู้ว่าการรัฐ 5 คน และ สว.อีก 1 คน ได้แก่ สว.มาร์ค เคลลี จากรัฐแอริโซนา, รอย คูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐนอร์ธแคโรไลนา, แอนดี บีเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี, เกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน, ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐแอริโซนา และจอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย อ้างอิงจากรายงานของสื่อวอลล์สตรีทเจอร์นัล

วิลเลียม แกลสตัน นักวิชาการแห่งสถาบัน Brookings กล่าวกับวีโอเอว่า "ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบประวัติแล้วน่าจะได้คุยกับรองปธน.แฮร์ริสแบบตัวต่อตัว และคาดว่า เธอจะตัดสินใจเลือกผู้สมัครคู่กันในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต"

ปัจจัยด้านเชื้อชาติและภูมิศาสตร์

โจเอล เค โกลด์สทีน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่ง St. Louis University School of Law เชื่อว่า ในฐานะที่เป็นสตรีผิวดำและมีเชื้อสายเอเชียใต้ คาดว่า แฮร์ริสน่าจะเลือกชายผิวขาวเป็นผู้สมัครคู่กัน

ความสมดุลด้านภูมิศาสตร์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกัน เจย์ เชน หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมาธิการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต วิเคราะห์ว่า เนื่องจากแฮร์ริสนั้นมาจากรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นฐานคะแนนหลักของเดโมแครตอยู่แล้ว เธอจึงอาจต้องการดีงผู้ที่จะช่วยเพิ่มคะแนนเสียงในรัฐแถบตอนกลางประเทศหรือทางภาคตะวันออกที่เป็น สวิง สเตท (swing state) เช่น รัฐเพนซิลเวเนีย รัฐมิชิแกน หรือรัฐจอร์เจีย มาลงคู่กันเพื่อสร้างสมดุลในกับฐานเสียง

แต่อาจารย์โกลด์สทีน เห็นต่างว่า "ในอดีตนั้นความสมดุลด้านภูมิศาสตร์อาจถือเป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้มากที่สุดสำหรับผู้ลงสมัคร แต่ปัจจุบันแนวคิดนี้อาจมีความสำคัญไม่ต่างจากการคิดคำนวณในด้านอื่นด้วย"

แคนดิเดตเชื้อสายยิว?

หนึ่งในผู้ที่อยูในรายชื่อแคนดิเดตผู้สมัครคู่กับแฮร์ริส คือ จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิที่แฮร์ริสจำเป็นต้องชนะให้ได้หากต้องการเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป

อย่างไรก็ตาม จอห์น คิง หัวหน้าทีมงานผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็น กล่าวว่า "ชาปิโรนั้นมีเชื้อสายยิว ซึ่งอาจเกิดความเสี่ยงบางอย่างหากมีชื่อเขาลงสมัครคู่กัน"

จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย
จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย

หลายความเห็นทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างชี้ว่า แฮร์ริสอาจลังเลที่จะเลือกชาปิโรให้ลงสมัครคู่กับเธอ เนื่องจากเขาเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขันซึ่งอาจบั่นทอนคะแนนเสียงในหลายรัฐที่มีกระแสการต่อต้านนโยบายการสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามในกาซ่า

ทั้งนี้ สามีของคามาลา แฮร์ริส คือ ดักกลาส เอมฮอฟฟ์ ก็มีเชื้อสายยิวเช่นกัน และที่ผ่านมา อเมริกายังไม่เคยมีประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดีที่มีเชื้อสายยิวมาก่อนเลย

จับคู่พลังหญิง?

เกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน คือสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่มีชื่ออยู่ในข่ายผู้ที่อาจลงสมัครร่วมกับแฮร์ริส ซึ่งหากเป็นจริง ทั้งคู่จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นสตรีคู่แรกที่ลงสมัครชิงตำแหน่งปธน. และรองปธน.

อย่างไรก็ตาม วิทเมอร์ กล่าวกับสื่อท้องถิ่นของมิชิแกนในวันจันทร์ว่า เธอจะไม่ไปไหน

ก่อนหน้านี้ เคยมีสตรีเพียงคนเดียวที่ลงสมัครชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ คือ ฮิลลารี คลินตัน เมื่อปี 2016 ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ไปอย่างฉิวเฉียดในตอนนั้น

เกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน
เกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน

บุคคลนอกวงการการเมือง

นอกจากนี้ มีการคาดหมายว่าแฮร์ริสอาจตัดสินใจเลือกบุคคลนอกการเมืองมาลงสมัครคู่กับเธอ เช่น อดีตนายพลที่เกษียณแล้ว เพื่อสร้างเสียงสนับสนุนในกลุ่มประชาชนแนวคิดอนุรักษ์นิยมที่ไม่ต้องการให้ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดี

แต่อาจารย์โกลด์สทีน แห่ง St. Louis University School of Law ไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องเช่นนั้น เพราะตั้งแต่ปี 1940 เป็นต้นมา ผู้ที่ได้รับเลือกให้ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้นล้วนเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภา ผู้ว่าการรัฐ หรือตำแหน่งสำคัญทางการเมืองทั้งสิ้น

  • ที่มา: ห้องข่าววีโอเอ

XS
SM
MD
LG