ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รมต.ต่างประเทศ ‘จี7’ ปิดประชุมพร้อมย้ำความสำคัญประเด็นรัสเซียและจีน


G7 Foreign Ministers' Meeting in Karuizawa
G7 Foreign Ministers' Meeting in Karuizawa

ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มจี7 ซึ่งปิดฉากลงในวันอังคารประณามการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน และเน้นย้ำความสำคัญของการทำงานร่วมกับจีนเพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายต่าง ๆ ในโลกนี้ อาทิ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความมั่นคงทางสาธารณสุขโลก

รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มจี7 ยังแสดงความกังวลของตนผ่านแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุม โดยระบุถึงกรณีการดำเนินการต่าง ๆ ของจีนในทะเลจีนตะวันออก ทะเลจีนใต้ และกรณีของไต้หวันด้วย

แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่ระบุว่า “เราขอยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับความสำคัญของเสถียรภาพและสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน อันเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไปไม่ได้สำหรับความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของประชาคมนานาชาติ และขอเรียกร้องให้มีการหาทางออกอย่างสันติต่อประเด็นในแถบช่องแคบ(ไต้หวัน)ด้วย”

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในการหารือกับรัฐมนตรีกลุ่มจี7 จากอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่นนั้น มี “การบรรจบประสานกันเป็นพิเศษ” เกี่ยวกับความกังวลเรื่องจีนและเรื่องสิ่งที่กำลังมีการลงมือทำเพื่อจัดการกับความกังวลเหล่านี้

ในประเด็นนี้ หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า แถลงการณ์ร่วมที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจี7 นั้นแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างน่าเกลียดและยังใส่ร้ายจีนด้วยความประสงค์ร้ายด้วย

อย่างไรก็ดี รมต.บลิงเคน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีการหารือระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น รัฐบาลกรุงวอชิงตันเชื่อว่า “การมีช่องทางสื่อสาร ...สามารถทำงานร่วมกันในหลายด้าน ที่ทำให้ความสัมพันธ์นั้นเดินหน้าไปได้ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง” และว่า “ความคาดหวังของผมก็คือ การที่เราจะสามารถก้าวไปข้างหน้าในด้านนี้ แต่นั่นก็หมายความว่า จีนต้องแสดงเจตจำนงของตนให้ชัดเจนเสียก่อน”

นอกจากประเด็นจีนแล้ว แถลงการณ์ร่วมของที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจี7 ยังระบุด้วยว่า ทุกประเทศมุ่งมั่นที่จะ “ยกระดับการลงโทษรัสเซียให้รุนแรงขึ้น” พร้อม ๆ กับทำงานประสานกันเพื่อให้มั่นใจว่า รัสเซียและฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถหลบหลีกมาตรการลงโทษต่าง ๆ ได้

แถลงการณ์ร่วมนี้ยังเตือนรัสเซียไม่ให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธเคมีใด ๆ และประณามการยึดครองโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ซาปอริซห์เชียด้วย และมีการระบุว่า “รัสเซียต้องถอนกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดออกจากยูเครนทันทีโดยไม่มีข้อแม้” และว่า “เราประกาศความมุ่งมั่นอีกครั้งในวันนี้ ที่จะสนับสนุนยูเครนตราบนานเท่านาน และจะให้การสนับสนุนด้านองค์กร เศรษฐกิจ และความมั่นคงที่ยั่งยืน เพื่อให้ยูเครนปกป้องตนเอง รวมทั้งได้มาซึ่งอนาคตอันเป็นประชาธิปไตยและมีเสรี และป้องปราบการรุกรานจากรัสเซียในอนาคตด้วย”

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับอิหร่านนั้น ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจี7 แสดงความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าเป็น “กิจกรรมที่สั่นคลอนเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง” ของอิหร่าน และเรียกร้องให้กรุงเตหะรานยุติการนำส่งโดรนให้กับกองกำลังรัสเซียเพื่อใช้โจมตียูเครนดังที่เกิดขึ้นมาตลอด

นอกจากนั้น แถลงการณ์ร่วมที่ประชุมระบุว่า “เรายังคงมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการยกระดับโครงการนิวเคลียร์อย่างไม่ลดละของอิหร่าน ซึ่งไม่มีเหตุผลสนับสนุนด้านพลเรือนที่เชื่อถือได้มาสนับสนุนและยิ่งทำให้ประเทศ(อิหร่าน)เข้าใกล้การดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธมากขึ้นทุกที”

ท้ายสุด รัฐมนตรีกลุ่มจี7 ประณามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถานและตัวผู้นำรัฐบาลตาลิบัน ในกรณี “การละเมิดสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กผู้หญิงอย่างเป็นระบบ และการเลือกปฏิบัติต่อผู้นับถือศาสนาอื่นและชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ” ด้วย

  • ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี

เกี่ยวข้อง

XS
SM
MD
LG