ผู้นำสหภาพยุโรปหารือกันในวันพุธที่กรุงบรัสเซลล์ โดยมุ่งเน้นเรื่องอนาคตของสหภาพยุโรปที่ไม่มีอังกฤษร่วมอยู่ด้วย ซึ่งผู้นำบางคนเร่งเร้าให้อังกฤษรีบออกจากสหภาพยุโรปโดยเร็ว เพื่อขจัดความคลุมเครือไม่แน่นอนซึ่งปกคลุม EU อยู่ในขณะนี้
บรรยากาศการเลี้ยงอาหารค่ำของบรรดาผู้นำยุโรปที่ร่วมประชุมที่กรุงบรัสเซลล์ในวันพุธ ค่อนข้างเต็มไปด้วยความขุ่นมัว แม้แต่ข้อความที่ผู้นำบางคนทวีตออกมาก็ยังบ่งบอกว่าเนื้อสเต็กในเมนูนั้นไม่ได้มาตรฐานตามแบบอังกฤษ
ดูเหมือนการประชุมครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่นายกฯ อังกฤษ เดวิด แคเมอร่อน เข้าร่วม หลังจากที่ได้ประกาศไว้ว่าจะลาออก เมื่อผลการลงประชามติของชาวอังกฤษแสดงให้เห็นว่าต้องการออกจากสหภาพยุโรป
ภายหลังการประชุม นายกฯ แคเมอร่อน กล่าวว่าแม้จะเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย แต่การประชุมของสมาชิกสหภาพยุโรป 28 ประเทศครั้งนี้ ก็มีความคืบหน้าอย่างมาก และว่าอังกฤษและสหภาพยุโรปควรมองหาวิธีสานสัมพันธ์ระหว่างกันให้ใกล้ชิดที่สุด หลังจากที่อังกฤษออกจาก EU ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้า ความร่วมมือ และความมั่นคง
แต่ผู้นำสหภาพยุโรปบางคน รวมทั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรังก์ซัวร์ โอล็องก์ มีข้อความโดยตรงไปถึงอังกฤษว่า อย่าคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีหลังจากที่ออกจาก EU ไปแล้ว เช่นการเข้าถึงตลาดเดี่ยวของยุโรป
ประธานาธิบดี ฟรังก์ซัวร์ โอล็องก์ กล่าวว่าหากอังกฤษต้องการเข้าถึงตลาดของ EU อังกฤษก็ต้องมีต้นทุน รวมถึงต้องยอมรับคนต่างด้าวและผู้ลี้ภัยอย่างเสรี เหมือนประเทศอื่นในสหภาพยุโรป
ด้านนายก รมต. เยอรมนี นางอังเกล่า เมอร์เคิ่ล ระบุว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่สหภาพยุโรปต้องเผชิญความจริงและก้าวเดินต่อไป และไม่ควรตั้งความหวังว่าอังกฤษจะเปลี่ยนใจกลับมาซบ EU ผู้นำเยอรมนีเตือนด้วยว่า เมื่อแยกตัวไปแล้ว อังกฤษจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เหมือนที่สมาชิกของ EU ได้รับ
เวลานี้ดูเหมือนบรรดาผู้นำยุโรปต่างกำลังขบคิดถึงอนาคตที่ไม่มีอังกฤษรวมอยู่ด้วย ซึ่งรวมถึงการทบทวนภารกิจและโครงการต่างๆ ของสหภาพยุโรป ทีเริ่มมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
คุณ อเล็กแซนดรา เดอ ฮูป เชฟเฟอร์ แห่งกองทุน German Marshall Fund of the United States ในกรุงปารีส ชี้ว่าการที่อังกฤษจะออกจาก EU ถือเป็นวิกฤติครั้งสำคัญที่จะทดสอบความเข้มแข็งและความเป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกที่เหลืออีก 27 ประเทศ ซึ่งต่างมีทัศนคติที่ต่างกันต่อ EU
(ผู้สื่อข่าว Lisa Bryant รายงานจากกรุงปารีส / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)