ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ต่อสายตรงพูดคุยหารือกันเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้เมื่อวันอังคาร และถือเป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้นำทั้งสองชาติครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมสุดยอดที่สหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน
ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ ระบุว่า การพูดคุยระหว่างสองผู้นำกินเวลา 1 ชั่วโมงกับอีก 45 นาที ไบเดนได้ใช้การหารือครั้งนี้ เรียกร้องให้จีนเน้นย้ำ “ความสำคัญของการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน หลักนิติธรรม และเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้”
การหารือระหว่างผู้นำทั้งสองในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่ไบเดนหาทางลดความบาดหมางระหว่างสหรัฐฯ และจีน ก่อนการปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน ที่จะมาถึงในเดือนพฤษภาคมนี้
ด้านสื่อซินหัวของจีน อ้างคำกล่าวของสี ที่ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังเริ่มที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ได้เตือนว่าทั้งสองประเทศอาจ “ถอยร่นกลับไปสู่ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าได้” และได้เตือนไบเดนว่า สหรัฐฯ “ไม่ได้กำลังลดความเสี่ยง แต่กลับสร้างมันขึ้นมา” ด้วยการกีดกันการพัฒนาด้านการค้าและเทคโนโลยีของจีน
ขณะที่ ไบเดนกล่าวในเรื่องนี้ว่า สหรัฐฯ “จะเดินหน้าใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จากการนำไปใช้ทำลายความมั่นคงของประเทศ โดยปราศจากการจำกัดเงื่อนไขการค้าและการลงทุนที่เกินกว่าจำเป็น” ตามการเปิดเผยของทำเนียบขาว
การหารือของผู้นำทั้งสองเมื่อวันอังคาร ยังมีประเด็นความกังวลเกี่ยวกับการสนับสนุนของจีนต่อรัสเซียในสงครามยูเครน ประเด็นข้อปฏิบัติทางการค้า การละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง และประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
ทั้งไบเดนและสี ยังได้พูดคุยเกี่ยวกับหนทางในการจัดการกับการแข่งขันระหว่างสองมหาอำนาจ การหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และการเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างกันเอาไว้
นอกจากนี้ ยังมีการหารือความร่วมมือระหว่างสองประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น การปราบปราบยาเสพติด ประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เกี่ยวกับระบบปัญญาประดิษฐ์ การต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผิดธรรมชาติ และการฟื้นฟูการสื่อสารทางทหารระหว่างสองมหาอำนาจ
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น