ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เห็นพ้องกันในหลายประเด็นระหว่างการประชุมทวิภาคีในวันพุธ นอกรอบจากการประชุมเอเปคที่นครซานฟรานซิสโก ซึ่งรวมถึงการฟื้นการสื่อสารระหว่างกองทัพสองประเทศ และการร่วมมือสกัดกั้นการผลิยาเฟนทานิลที่กำลังระบาดในอเมริกา
ปธน.ไบเดน และปธน.สี พบกันราว 4 ชม. ในวันพุธ ที่ ฟีลาลี เอสเตท สถานตากอากาศชานนครซานฟรานซิสโก
เจ้าหน้าที่รัฐบาลของสองประเทศกล่าวว่า ผู้นำทั้งสองตกลงกันที่จะกลับมาติดต่อทางการทหารอีกครั้งหลังจากตัดสัมพันธ์ไปในช่วงที่อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.แนนซี เพโลซี เดินทางเยือนไต้หวันเมื่อปีที่แล้ว
ประธานาธิบดีไบเดน แถลงสรุปการประชุมว่า "เรากลับสู่การสื่อสารประจำวันโดยตรงและเปิดเผยชัดเจน" พร้อมระบุว่าการสื่อสารที่ผิดพลาดอาจสร้างปัญหาให้แก่ประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ ได้
ไบเดนและสี ยังได้ตกลงกันที่จะระงับการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยาเฟนทานิลที่มีส่วนผสมของฝิ่น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการระบาดอยู่ในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังได้เห็นพ้องกันที่จะจัดให้มีการหารือระหว่างคณะผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ของสองประเทศ
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวยกย่องความสำเร็จของการเจรจาทวิภาคีครั้งนี้ โดยบอกว่าเป็นการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
ในการเริ่มหารือในวันพุธ ปธน.ไบเดน กล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่า "เรารู้จักกันมานานแล้ว เรามักจะเห็นไม่ตรงกันในหลายเรื่องซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่การประชุมระหว่างเรามักเต็มไปด้วยความซื่อตรงเปิดเผย ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์" และว่า "เราต้องรับประกันให้ได้ว่าการแข่งขันซึ่งกันและกันจะไม่ลุกลามไปเป็นความขัดแย้ง และต้องมีการจัดการอย่างมีความรับผิดชอบ"
ด้านประธานาธาธิบดีสี กล่าวว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดในโลก ควรมีการรับรู้และวางวิสัยทัศน์ในมุมกว้างของการปรับเปลี่ยนโลกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในศตวรรษนี้ และควรพัฒนาไปในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของสองประเทศ และเติ่มเต็มความรับผิดชอบสำหรับความก้าวหน้าของมวลมนุษย์"
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวหวังว่าการเจรจาครั้งนี้จะเปิดทางให้มีการหารือครั้งต่อ ๆ ไปในอนาคต
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น