ลิ้งค์เชื่อมต่อ

‘บลิงเคน’ สรุปไม่คืบหน้าหารืออิสราเอล กรณีหยุดยิง-ตัวประกันฮามาส


รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ร่วมประชุมกับ กาดิ ไอเซนคอต ผบ.กองกำลังป้องกันอิสราเอล และ เบนนี แกนต์ซ อดีตรมว.กลาโหมอิสราเอล ในกรุงเทลอาวีฟ เมื่อ 8 ก.พ. 2567
รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ร่วมประชุมกับ กาดิ ไอเซนคอต ผบ.กองกำลังป้องกันอิสราเอล และ เบนนี แกนต์ซ อดีตรมว.กลาโหมอิสราเอล ในกรุงเทลอาวีฟ เมื่อ 8 ก.พ. 2567

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางกลับถึงกรุงวอชิงตันหลังพยายามหารือการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงในสงครามอิสราเอล-ฮามาสและการปล่อยตัวประกันที่กลุ่มติดอาวุธนี้ยังคงคุมตัวไว้อยู่ในกาซ่า โดยการเดินทางเยือนตะวันออกกลางรอบล่าสุดนี้ยังคงไม่สามารถหาข้อสรุปใด ๆ เพิ่มได้

อย่างไรก็ดี รมว.ต่างประเทศและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อื่น ๆ ยังคงมองโลกในแง่ดีว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะสามารถผลักดันให้มีการหยุดยิงรอบใหม่ในสงครามที่ดำเนินมากว่า 4 เดือนนี้และให้มีการนำตัวประกันทั้งหมดกลับบ้านได้ในที่สุด

ก่อนจะเดินทางถึงสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี บลิงเคน เข้าร่วมประชุมกับสมาชิกคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ซึ่งมี เบนนี แกนต์ซ และ กาบิ ไอเซนคอต อดีตผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอล เข้าร่วมด้วย

ในช่วงต้นของการประชุม บลิงเคน ระบุว่า จุดที่ต้องมีการให้ความสำคัญนั้นคือ “ตัวประกันและความต้องการอย่างแรงกล้าที่เราต่างมีอยู่ ที่ต้องการเห็นพวกเขากลับคืนสู่ครอบครัวของตน นั่นคือเป้าหมายที่เราจะต้องไปให้ถึง” ขณะที่ แกนต์ซ บอกกับ บลิงเคนว่า ประเด็นเร่งด่วนที่สุดก็คือ การหาหนทางนำตัวประกันที่เหลือทั้งหมดกลับสู่บ้านเกิด

ทั้งนี้ บลิงเคน กล่าวในวันพุธว่า คำตอบจากผู้นำฮามาสต่อร่างข้อเสนอที่สหรัฐฯ อียิปต์ กาตาร์และอิสราเอล ร่วมกันจัดทำนั้นมีส่วนที่เป็น “ประเด็นที่ชัดเจนว่าล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม” อยู่ด้วย แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเดินหน้าเจรจากันต่อไปอยู่

นายกฯ เนทันยาฮู กล่าวเย้ยแผนของกลุ่มติดอาวุธนี้ที่ต้องการให้ฝ่ายฮามาสมีอำนาจควบคุมฉนวนกาซ่าต่อไปว่า “เพ้อเจ้อ” และย้ำว่า กองกำลังอิสราเอลจะสู้ต่อไปจนกว่า “จะได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จ”

ผู้นำอิสราเอลระบุระหว่างการแถลงข่าวหลังประชุมกับรมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ด้วยว่า “เรากำลังมุ่งหน้าสู่ชัยชนะอันเบ็ดเสร็จอยู่ ไม่มีทางออกอื่นใดแล้ว” พร้อมกล่าวด้วยว่า การทำสงครามของอิสราเอลนั้นจะใช้เวลาเพียงนับเดือน และไม่ใช่นานเป็นปี

รายงานข่าวอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของฮามาสระบุว่า คณะผู้แทนจากฮามาสชุดหนึ่งเดินทางถึงกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ในวันพฤหัสบดีเพื่อเดินหน้าการเจรจากับเจ้าหน้าที่ของอียิปต์และกาตาร์อยู่

ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวประกาศว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับกษัตริย์อัลดุลลาห์ที่ 3 แห่งจอร์แดน ที่กรุงวอชิงตัน ในวันจันทร์หน้า และจะมีการหารือทางออกของความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาสด้วย

แม้สหรัฐฯ จะแสดงตนเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนอิสราเอลมากที่สุดตั้งแต่สงครามครั้งนี้ปะทุขึ้นมา นายกฯ เนทันยาฮู ปัดตกการประเมินของรมต.บลิงเคนว่า แผนที่ฮามาสเสนอมายังพอมีมูลที่จะให้นำมาใช้พิจารณาแผนหยุดยิงได้อยู่ และแสดงความไม่สนใจความกังวลของสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ เกี่ยวกับแผนการขยายปฏิบัติการทางทหารของเทลอาวีฟไปยังทางใต้ของกาซ่า โดยเฉพาะในเมืองราฟาห์ที่ติดกับพรมแดนอียิปต์

นอกจากไม่สนใจข้อเสนอหยุดยิงของฮามาสแล้ว เนทันยาฮูยังเรียกร้องให้มีการยุบหน่วยงานบรรเทาทุกข์ชาวปาเลสไตน์ของสหประชาชาติที่ถูกกล่าวหาว่า มีพนักงานบางส่วนมีส่วนร่วมในการโจมตีอิสราเอลเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่แล้ว

บลิงเคนขอร้องต่อเนทันยาฮูและชาวอิสราเอลให้อย่าปล่อยให้ความแค้นครอบงำสิ่งที่ควรจะทำต่อไป โดยระบุว่า “ชาวอิสราเอลถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างที่สุดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ... และเหล่าตัวประกันเองก็ถูกลดทอนความเป็นมนุษย์อยู่ทุกวันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แต่นั่นไม่ควรเป็นใบอนุญาตให้มีการลดทอนความเป็นมนุษย์ของคนอื่นเลย”

การเดินทางไปตะวันออกกลางของบลิงเคนในสัปดาห์นี้เป็นครั้งที่ 5 เพื่อหาทางยุติสงครามที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลโดยไม่ทันตั้งตัวและสังหารผู้คนราว 1,200 คน ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขกาซ่ากล่าวว่า การโจมตีโต้กลับของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 27,500 คนและทำให้ชาวปาเลสไตน์ราว 2 ล้านคนกลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นแล้ว

สตรีชาวปาเลสไตน์ร้องไห้อาลัยที่ร่างของญาติของพวกเธอที่ถูกห่อไว้ หลังเสียชีวิตในการโจมตีของอิสราเอลในช่วงคืนก่อนหน้า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2567
สตรีชาวปาเลสไตน์ร้องไห้อาลัยที่ร่างของญาติของพวกเธอที่ถูกห่อไว้ หลังเสียชีวิตในการโจมตีของอิสราเอลในช่วงคืนก่อนหน้า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2567

รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ยังคงยืนยันการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ซึ่งกรุงวอชิงตันเชื่อว่า เป็นหนทางที่จะสร้างสันติภาพและความมั่นคงอันยั่งยืนให้กับทั้งชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ รวมทั้งต่อการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนของภูมิภาคด้วย

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยด้วยว่า บลิงเคนยังได้ย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการลดระดับความตึงเครียดในเวสต์แบงก์ และการป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งนี้ขยายวงออกไปด้วย

  • ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG