ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช้เวลากว่าชั่วโมงในการนำแถลงนโยบายและผลงานประจำปีครั้งที่ 2 ต่อหน้าสมาชิกสภาคองเกรสจากทั้งสองพรรค ตัวแทนจากเหล่าทัพ ตุลาการศาลสูง สมาชิกคณะรัฐมนตรี และแขกพิเศษมากมาย โดยเน้นย้ำจิตวิญญาณของความเป็นอเมริกันพร้อม ๆ กับเชิญชวนและท้าทายให้พรรครีพับลิกันมาช่วยกันทำงานแก้ไขปัญหาหนี้และเศรษฐกิจของประเทศ
ปธน.ไบเดน พูดถึงกฎหมายหลายร้อยฉบับที่รัฐบาลชุดปัจจุบันผลักดันจนผ่านมาใช้งานได้ ซึ่งรวมถึง กฎหมายส่งเสริมปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจ หรือ Infrastructure and Investment Act ที่ได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรสทั้งสองพรรค ที่จะช่วยสร้างงานมากมายให้กับชาวอเมริกันและ กฎหมายสู้เงินเฟ้อ Inflation Reduction Act ที่จะช่วยลดต้นทุนการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และชี้ให้เห็นถึงความพยายามและความสำเร็จของรัฐบาลในการนำพาประเทศและเศรษฐกิจผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากเข็ญ โดยเฉพาะในช่วงเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จนมาถึงจุดที่ทุกอย่างเกือบเหมือนปกติในเวลานี้
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในตอนหนึ่งว่า “เรากำลังเขียนบทใหม่ของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของอเมริกา ... เรื่องราวของความก้าวหน้าและความสามารถในการพลิกฟื้นกลับมาได้” และ “เราคือประเทศเดียวในโลกที่ฟื้นมาจากวิกฤตทุกวิกฤตในสภาพที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อเราก้าวเข้า(สู่ภาวะดังกล่าว)”
ในส่วนของสภาพการณ์ทางการเมืองที่พรรครีพับลิกันเป็นฝ่ายกุมเสียงข้างมากในสภาล่าง และพรรคเดโมแครตกุมเสียงข้างมากในวุฒิสภา ปธน.ไบเดน กล่าวว่า ขณะที่หลายคนมองว่า สองพรรคใหญ่นี้ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ตนไม่เห็นด้วยทั้งหมด เพราะแม้จะมีการเห็นต่างกันในหลายเรื่อง “เดโมแครตและรีพับลิกันอยู่ร่วมกันได้” เสมอ
ปธน.ไบเดนยังเน้นย้ำว่า ภายใต้นโยบายภาษีของรัฐบาลนั้น จะไม่มีชาวอเมริกันคนได้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี จะต้องเสียภาษีมากกว่าที่เคยเสียมา ขณะที่ บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายและผู้มีฐานะร่ำรวยต่าง ๆ ซึ่งทำการหลีกเลี่ยงภาษีจะต้องทำหน้าที่ของตนและจ่ายภาษีอย่างเหมาะสม
นอกจากนั้น ผู้นำสหรัฐฯ ยังย้ำถึงความสำคัญในรักษาสภานภาพการมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกของสหรัฐฯ ด้วยการผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นประเทศให้อยู่ในระดับที่ดีที่สุด พร้อม ๆ กับการดำเนินการตามแผนงานส่งเสริมการจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบจากภายในประเทศให้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
หนึ่งในประเด็นที่มีการจับตาดูว่าจะมีการพูดถึงในการแถลงนโยบายครั้งนี้มากเพียงใดก็คือ กรณีเพดานหนี้รัฐบาลที่แตะระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว และปธน.สหรัฐฯ เน้นย้ำว่า การเพิ่มเพดานหนี้คือสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น เพื่อช่วยพยุงประเทศให้ก้าวต่อไปได้ โดยมีการชี้ว่า ในการเจรจาเรื่องนี้ จะไม่มีการพูดถึงข้อเสนอต่อรองจากสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนที่ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกโครงการประกันสุขภาพของผู้สูงอายุ (Medicare) และโครงการประกันสังคม (Social Security) เมื่อมีเสียงโห่กลับมาจากฝั่งพรรครีพับลิกันว่า ไม่ใช่เรื่องจริง
ในส่วนของนโยบายต่างประเทศ ปธน.ไบเดน พูดถึงสถานการณ์สงครามยูเครนและกล่าวว่า "การรุกรานของปูตินเป็นบททดสอบในยุคสมัยของเรา เป็นบททดสอบของอเมริกา และของทั้งโลก"
สำหรับประเด็นจีนนั้น ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนได้ยืนยันกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แล้วว่า สหรัฐฯ ต้องการจะแข่งขันและไม่ต้องการความขัดแย้ง พร้อมกับย้ำว่า ตนยินดีที่จะทำงานร่วมกับจีน เพื่อประโยชน์ของสหรัฐฯ และโลก แต่จะปกป้องสหรัฐฯ ถ้าจีนล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศ
นอกจากประเด็นเหล่านี้แล้ว ปธน.สหรัฐฯ ยังพูดถึงความสำคัญในการนำสิทธิของผู้หญิงในการเข้าถึงการทำแท้ง ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญกลับคืนมา หลังจากที่ศาลสูงสหรัฐฯ ตัดสิทธิดังกล่าวไปในคดี Roe v. Wade รวมทั้ง การพัฒนาเจ้าหน้าที่คุ้มครองกฎหมายให้มีความรู้ ความสามารถและความพร้อม ในการปกป้องประชาชน การออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนจู่โจม หลังเกิดเหตุยิงกราดในประเทศและการทำร้ายประชาชนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายต่อหลายครั้ง การส่งเสริมการศึกษา การรับมือกับวิกฤตสุขภาพจิตในประเทศ และการปรามปรามยาเสพติด เป็นต้น
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพีและรอยเตอร์