กระแส 'บาร์เบนไฮเมอร์' (Barbenheimer) ซึ่งเป็นการรวมชื่อหนังดังสองเรื่องที่เปิดตัวพร้อมกันในสุดสัปดาห์นี้ คือ บาร์บี้ (Barbie) ของผู้กำกับหญิง เกรตา เกอร์วิก และ ออพเพนไฮเมอร์ (Oppenheimer) ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ฝากผลงานระดับมาสเตอร์พีซมาแล้วหลายเรื่อง ฉุดให้แฟนหนังควักกระเป๋าเงินในระดับที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่หลายด้าน พร้อมสร้างความหวังใหม่ให้แก่บรรดาผู้สร้างหนังฮอลลีวู้ดหลังจากเผชิญภาวะซบเซาหลังการระบาดของโควิด-19
“Barbie” จากค่ายวอร์เนอร์ บราส์ (Warner Bros.) คว้าแชมป์หนังทำเงินในอเมริกาเหนือสุดสัปดาห์นี้ไปครองด้วยรายได้ถล่มทลาย 155 ล้านดอลลาร์ จากมากกว่า 4,200 โรงฉาย ทำสถิติเป็นหนังที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดในปีนี้ และทำสถิติใหม่เป็นหนังที่กำกับโดยผู้หญิงที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย
ส่วน “Oppenheimer” ของค่ายยูนิเวอร์แซล (Universal) ตามมาอันดับสองด้วยรายได้ 80.5 ล้านดอลลาร์จากโรงฉาย 3,610 แห่งในอเมริกาเหนือ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำสถิติเป็นหนังของโนแลนที่เปิดตัวด้วยรายได้มากที่สุดนอกเหนือจากไตรภาค "แบทแมน" และยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์อิงชีวประวัติเรตอาร์ที่ทำรายได้สูงสุดในสุดสัปดาห์แรกเท่าที่ฮอลลีวู้ดเคยมีมาด้วย
นอกจากนี้ “Barbenheimer” ยังสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกที่หนังอันดับหนึ่งเปิดตัวที่ระดับมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ และอันดับสองทำรายได้เกิน 80 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์เดียวกัน และน่าจะกลายเป็นสุดสัปดาห์ที่รายได้จากโรงภาพยนตร์ต่าง ๆ สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในประวัติศาสตร์
สำหรับตลาดต่างประเทศ คาดว่า Barbie เก็บรายได้ไป 182 ล้านดอลลาร์ ทำให้รายได้ทั่วโลกในช่วงสามวันที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 337 ล้านดอลลาร์แล้ว ส่วน Oppenheimer เก็บเงินไปแล้ว 174 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก
ทั้งนี้ ผู้ชมส่วนใหญ่ของ Barbie คือ 65% เป็นผู้หญิง และ 40% อายุต่ำกว่า 25 ปี ขณะที่ผู้ชม 62% ของ Oppenheimer เป็นผู้ชาย และ 63% อายุเกิน 25 ปี อ้างอิงจากข้อมูลของ PostTrak
กระแสที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนเริ่มต้นจากการแข่งขันกันของหนังสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในด้านของเนื้อหา สไตล์ และแฟน ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสองเรื่องกลับสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยต่างได้รับแรงผลักดันส่วนหนึ่งจากเสียงวิจารณ์ที่ล้วนชื่นชม กล่าวคือ Barbie และ Oppenheimer ได้รับคะแนนในระดับ 90% - 94% ทางเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ตามลำดับ
เจฟฟ์ โกลด์สทีน ผู้บริหารของวอร์เนอร์ บราส์ กล่าวว่า " กระแส ‘Barbenheimer’ ช่วยกระตุ้นหนังทั้งสองเรื่องอย่างแท้จริง ถือเป็นความสำเร็จของทุกฝ่าย" และว่า "นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของผู้คนทั่วโลก เป็นสิ่งที่สร้างประวัติศาสตร์ในหลายด้าน" เชื่อว่าผู้คนจะพูดถึงการตลาดนี้ไปอีกนานแสนนาน
ไมเคิล โอเลียรี ซีอีโอของ National Association of Theatre Owners กล่าวว่า "นี่คือสุดสัปดาห์ประวัติศาสตร์จริง ๆ และจะส่งผลต่อเนื่องต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ในปีนี้"
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อาจไม่ยินดีนักต่อความสำเร็จของ ‘Barbenheimer’ อาจเป็นค่ายพาราเมาท์ เจ้าของแชมป์เก่าสัปดาห์ก่อน “Mission: Impossible: Dead Reckoning Part I” ที่รายได้หดหายไปถึง 64% ในสุดสัปดาห์ที่สอง ลดลงเหลือเพียง 19.5 ล้านดอลลาร์ ตกไปอยู่อันดับที่สี่ โดยมี “Sound of Freedom” เหนียวแน่นอยู่ที่อันดับสามต่อไป
อันดับภาพยนตร์ทำเงินในอเมริกาเหนือ สุดสัปดาห์ที่ 23 ก.ค. อ้างอิงจาก Comscore
1. “Barbie,” $155 million.
2. “Oppenheimer,” $80.5 million.
3. “Sound of Freedom,” $20.1 million.
4. “Mission: Impossible-Dead Reckoning Part I,” $19.5 million.
5. “Indiana Jones and the Dial of Destiny,” $6.7 million.
6. “Insidious: The Red Door,” $6.5 million.
7. “Elemental,” $5.8 million.
8. “Spider-Man: Across the Spider-Verse,” $2.8 million.
9. “Transformers: Rise of the Beasts,” 1.1 million.
10. “No Hard Feelings,” $1.1 million.
- ที่มา: เอพี, คอมสกอร์