รัฐบาลท้องถิ่นในสองรัฐของออสเตรเลีย ประกาศมาตรการห้ามใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และให้เปลี่ยนไปใช้ถุงแบบที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้แทน ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้รับเสียงยกย่องจากบรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เวลานี้ ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่แบบหลายสาขาในออสเตรเลีย ได้เริ่มนำมาตรการไม่ให้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งแก่ลูกค้ามาใช้บ้างแล้ว ซึ่งก็สร้างปัญหายุ่งยากพอสมควรให้กับลูกค้าจำนวนมาก และมีบางครั้งที่ลุกลามไปเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน ระหว่างพนักงานของซูเปอร์มาร์เก็ตกับลูกค้าที่ต้องการถุงพลาสติก
ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งต้องใช้วิธีแจกถุงแบบรีไซเคิลฟรี หลังจากลูกค้าขู่ว่าจะคว่ำบาตรด้วยการไม่ซื้อสินค้า
ขณะนี้ทุกรัฐและเขตปกครองของออสเตรเลียได้เริ่มนำมาตรการยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งทั้งหมดมาใช้แล้ว หรือกำลังอยู่ระหว่างการนำไปพิจารณาในรัฐสภาท้องถิ่น ยกเว้นรัฐนิวเซาธ์เวลล์ ซึ่งบรรดาผู้นำการเมืองที่นั่นไม่คิดว่ามาตรการนี้เป็นสิ่งจำเป็น และโยนให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของร้านซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ
ด้านคุณโทนี มาร์ดินี โฆษกของซูเปอร์มาร์เก็ต Woolworths ซึ่งมีหลายสาขาทั่วออสเตรเลีย กล่าวว่า ทางบริษัทต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและปกป้องสิ่งแวดล้อม ด้วยการกำจัดถุงพลาสติกราว 3,200 ล้านถุงในสิ่งแวดล้อม
มาตรการห้ามใช้ถุงพลาสติกคือส่วนหนึ่งของความพยายามลดขยะพลาสติกของออสเตรเลีย โดยร้านซูเปอร์มาร์เก็ตใน 4 จาก 6 รัฐของออสเตรเลีย อาจถูกปรับเงินสูงสุด 4,600 ดอลลาร์ หากยังมีการใช้ถุงพลาสติก
ขณะเดียวกัน คุณซาราห์ ธอมป์สัน จากองค์กรสิ่งแวดล้อม Planet Ark ต้องการให้เพิ่มมาตรการห้ามใช้พลาสติกชนิดอื่นด้วย นอกเหนือไปจากถุงพลาสติก คุณธอมป์สัน กล่าวว่า ควรมีการสั่งห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นในซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย เช่น หลอดกาแฟ ถ้วยกาแฟ รวมทั้งพลาสติกห่อสินค้าต่างๆ
รายงานของสหประชาชาติระบุว่า ปัจจุบันมีการใช้ถุงพลาสติกหรือพลาสติกแบบบางเป็นปริมาณราว 5 ล้านล้านชิ้นทั่วโลก และเวลานี้มากกว่า 60 ประเทศเริ่มมาตรการห้ามใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งแล้ว รวมทั้งในเคนย่า ซึ่งขยะถุงพลาสติกมักกลายเป็นที่เพาะพันธุ์ยุงลาย ส่วนที่บังกลาเทศ การห้ามใช้ถุงพลาสติกอาจช่วยในการแก้ปัญหาน้ำท่วมในบางพื้นที่ ซึ่งเกิดจากขยะพลาสติกไปอุดตันท่อระบายน้ำได้เช่นกัน
(ผู้สื่อข่าว Phil Mercer รายงานจากนครซิดนีย์ / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)
