สามีของ ส.ส.แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ถูกทำร้ายจนเจ็บหนักโดยผู้ที่บุกรุกเข้าไปในบ้านพักในนครซานฟรานซิสโกในช่วงก่อนรุ่งสางของวันศุกร์
รายงานข่าวระบุว่า พอล เพโลซี สามีของ ส.ส.แนนซี เพโลซี ถูกชายผู้ต้องสงสัยที่แหล่งข่าวบอกกับสำนักข่าวเอพี ว่า ชื่อ เดวิด เดพาเพ ใช้ค้อนทุบตีอย่างหนัก หลังบุกเข้าไปในบ้านพักและตะโกนใส่หน้า พอล ว่า “แนนซี อยู่ไหน ... แนนซี อยู่ไหน”
แหล่งข่าวสองรายที่ไม่ขอเปิดเผยตัวเนื่องจากคดีนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน บอกกับ เอพี ด้วยว่า พอล ในวัย 82 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและตามร่างกายจากการถูกกระทบกระแทกโดยวัตถุไม่มีคม และถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลกลาง ซัคเคอร์เบิร์ก ซานฟรานซิสโก แล้ว โดยในขณะที่ ผู้สื่อข่าวจัดทำรายงานชิ้นนี้ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับอาการของเขาออกมา
และในขณะที่ ผู้ต้องสงสัยทำร้ายสามีของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซานฟรานซิสโกควบคุมตัวไว้ได้แล้ว ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกมา แต่การบุกรุกเข้าไปในบ้านของสมาชิกสภาคองเกรสเช่นนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของบรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ และสมาชิกในครอบครัว ในช่วงที่ภัยคุกคามต่อกลุ่มคนนี้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังจากเหตุการจลาจลบุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี ค.ศ. 2021 เป็นต้นมา
การบุกรุกเข้าไปในบ้านของ ส.ส.เพโลซี นี้ยังเกิดในเวลาที่ชาวอเมริกันกำลังกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับประเด็นด้านอาชญากรรมและความปลอดภัยสาธารณะ ขณะที่เหลือเวลาเพียง 11 วันก่อนจะมีการเลือกตั้งกลางเทอม
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาได้ทำการสอบสวนคำขู่มากถึง 9,600 ครั้งที่สมาชิกสภาคองเกรสได้รับ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยที่บ้านพักของทุกคนแล้ว แต่หลายรายยังยืนยันว่า ตนต้องการความคุ้มครองมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะมีกรณีคนแปลกหน้ามาปรากฏตัวที่บ้านเพิ่มขึ้นและบางรายได้รับคำขู่มากขึ้นมาเรื่อย ๆ ด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงต่อสมาชิกสภาคองเกรสบ้าง อาทิ กรณีของ แกเบรียล กิฟฟอร์ดส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรัฐแอริโซนา สังกัดพรรคเดโมแครต ถูกยิงที่ศีรษะขณะเข้าร่วมงานที่หน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่งในเมืองทูซอน เมื่อปี ค.ศ. 2011 และกรณีของ สตีฟ สกาลีส สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรัฐหลุยเซียนา สังกัดพรรครีพับลิกัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังมีมือปืนกระหน่ำยิงเข้าใส่การซ้อมเบสบอลของทีมสมาชิกพรรครีพับลิกัน ในปี ค.ศ. 2017
ในส่วนของเหตุการณ์ล่าสุดนี้ ทีมตำรวจรัฐสภาที่รับหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผู้นำสภา เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ ส.ส.แนนซี เพโลซี พร้อมทีมรักษาความปลอดภัย ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน หลังเพิ่งเดินทางกลับจากการประชุมใหญ่ว่าด้วยประเด็นความมั่นคงที่จัดขึ้นในยุโรป และมีกำหนดการขึ้นกล่าวปราศรัยพร้อมกับรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ที่งานเลี้ยงงานในเย็นวันเสาร์นี้
ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.เพโลซี เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ขึ้นทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาลกรุงวอชิงตันในอันดับที่ 2 ต่อจากรองประธานาธิบดี ในกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ตำรวจรัฐสภาและตำรวจนครซานฟรานซิสโกกำลังร่วมกันสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และสมาชิกสภาคองเกรสจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ได้ส่งสารแสดงความเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้นและให้กำลังใจไปยัง พอล ส.ส.เพโลซี และสมาชิกในครอบครัวแล้ว
แถลงการณ์จากทำเนียบขาวระบุว่า ปธน.ไบเดน ขอให้ พอล หายจากอาการเจ็บโดยไว้ และขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกประเภท รวมทั้ง ขอให้ทุกฝ่ายเคารพความเป็นส่วนตัวของครอบครัวเพโลซีด้วย ขณะที่ ส.ว.ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภากล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นกับ พอล เพโลซี นั้น เป็น(ฝีมือของ)คนขี้ขลาดตาขาว”
ส่วน ส.ว.มิตช์ เเม็คคอนเเนลล์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ระบุในข้อความที่โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่า ตนรู้สึก “ตกใจและแย่มาก กับรายงานข่าวการทำร้าย พอล เพโลซี ภายในบ้านของเขาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เพโลซี เมื่อคืนที่แล้ว (และ) รู้สึกดีที่ได้ยินว่า พอล กำลังค่อย ๆ ฟื้นตัว และฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรวมถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา กำลังทำการสืบสวนคดีนี้อยู่”
พอล เพโลซี นั้นเป็นนักลงทุนฐานะมั่งคั่งที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ โดยบ้านพักที่ถูกบุกรุกนั้นตั้งอยู่ในย่านที่ชื่อ Pacific Heights ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของผู้มีฐานะ แต่บ้านหลังนี้ตกเป็นเป้าการชุมนุมประท้วงอยู่หลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น หลังมีภาพของ ส.ส.เพโลซี เข้ารับบริการที่ร้านทำผมในช่วงที่รัฐบาลมีคำสั่งให้ธุรกิจต่าง ๆ ปิดให้บริการชั่วคราวเพราะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และเมื่อไม่นานมานี้ มีสมาชิกชุมชนชาวจีนมาประท้วงที่หน้าบ้านของทั้งสอง ก่อน ส.ส.เพโลซี เดินทางเยือนไต้หวัน เป็นต้น
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี