หลังจากที่เหตุการณ์โจรสลัดบุกยึดเรือลดลงในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา การโจมตีทางทะเลโดยกลุ่มอาชญากรเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
บริเวณที่อันตรายต่อเหตุโจรสลัดที่สุดในปีนี้คือ น่านน้ำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่หน่วยงาน IMB หรือ International Maritime Bureau ระบุว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของการโจมตีโดยโจรสลัดเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าว
ผู้อำนวยการ IMB คุณ Potengal Mukundan กล่าวกับ Voice of America ว่า ทุกๆ สองสัปดาห์จะเกิดเหตุปล้นเรือขนาดเล็กที่เดินทางตามแนวชายฝั่ง เขาบอกว่าหากว่าไม่มีมาตรการที่ชัดเจน การปล้นเรืออาจทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะผู้ก่อการคิดว่าสามารถกระทำการอุกอาจได้ต่อเหยื่อที่มักเป็นเรือสินค้า
ผู้อำนวยการ International Maritime Bureau บอกอีกด้วยว่า ที่เรือซึ่งแล่นตามชายฝั่งเสี่ยงต่อการตกเป็นเป้า เพราะเรือเคลื่อนไหวไม่คล่องเเคล่ว เหมือนเรือเร็วของโจรสลัด
คุณ Mukundan กล่าวว่าเป้าที่โจรสลัดสนใจเป็นพิเศษบ่อยครั้ง เป็นเรือบรรทุกน้ำมัน โดยที่อาชญากรจะสูบน้ำมันออกจากเรือของเหยื่อเพื่อในไปขายในตลาดท้องถิ่น
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่เกิดเหตุปล้นเรือบ่อยที่สุดที่ผ่านมาในปีนี้โดยที่ ร้อยละ 40 ของเหตุการณ์โจรสลัดเกิดในน่านน้ำของอินโดนีเซีย ขณะที่เวียดนามเกิดเหตุลักษณะนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงการปล้นเรือบริเวณ ไฮฟง และวงเตา
แต่บริเวณที่เคยเป็นจุดเสี่ยงแต่ยังไม่มีเรือถูกปล้นในปีนี้คือ ประเทศโซมาเลีย ซึ่งถือว่าห่างหายมานานถึงสามปี และเป็นข่าวที่น่าพอใจ หลังจากที่โซมาเลียมีรัฐบาลที่ทำงานได้เข้าที่มากขึ้น
นอกจากนั้นที่โซมาเลียกลายเป็นเขตปลอดโจรสลัดในช่วงที่ผ่านมาก็เพราะ การสอดส่องที่มากขึ้นของเจ้าหน้าที่นานาประเทศ แต่คุณ Mukundan เตือนว่า สถานการณ์อาจกลับมาเลวร้ายอีกครั้งได้ไม่ยาก เขาบอกว่าถ้ามีอาชญากรหนึ่งรายปล้นเรือสำเร็จในบริเวณดังกล่าว เหตุการณ์นั้นสามารถจูงใจให้ผู้ก่อการรายอื่นๆ กลับมาปล้นเรือในพื้นที่เดิมได้ ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา
สำหรับในพื้นที่อื่นๆ ของโลก บริเวณแอฟริกาตะวันตกยังคงเป็นจุดเสี่ยง หลังจากที่มีชายผู้หนึ่งถูกสังหารจากการปล้นเรือประมงไม่ไกลจากประเทศกานา และ โจรสลัดไนจีเรียจับลูกเรือห้าคนเป็นตัวประกันในอีกสองเหตุการณ์ นอกจากนั้นยังมีเรือบรรทุกสินค้าอีกลำหนึ่งถูกปล้นไม่นานนี้ด้วย
รายงานโดย Steve Herman / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท