รัฐมนตรี Fumio Kishida ของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวในคำปราศรัยที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร สัปดาห์ที่แล้วว่า ญี่ปุ่นจะจัดทำโครงการสามปี เรียกว่า Japan-Mekong Connectivity Initiative เพื่อส่งเสริมโครงสร้างทางเศรษฐกิจมูลค่าเกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ ในบริเวณภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งรวมบริเวณในเวียดนาม ลาว และประเทศไทย
เมื่อกว่าสองปีที่แล้ว ญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือกลุ่มภาคีอาเซียนผ่านทาง Official Development Assistance (ODA) เป็นมูลค่าสองล้านล้านเยน ในช่วงเวลาห้าปี รวมทั้งให้เงินสนับสนุนการรวมตัวของประชาคมอาเซียนด้วยเงินทุนอีก 100 ล้านดอลลาร์
รศ. ดร. ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกกับผู้สื่อข่าว VOA ว่า การเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรี Kishida ครั้งนี้ ก็เพื่อจะเน้นย้ำว่า ญี่ปุ่นยังไม่หายไปไหน และจะไม่ละเลยการลงทุนระยะยาวของตนในโครงการต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นไว้ว่า การประชุมสุดยอดความร่วมมือล้านช้าง - แม่โขง ที่จีนเป็นเจ้าภาพในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นความพยายามล่าสุดของปักกิ่งที่จะเพิ่มความผูกพันกับประเทศต่างๆ ในบริเวณอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะกับกัมพูชา ลาว ประเทศไทย และเวียดนาม โดยการใช้จ่ายเงินสำหรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจในประเทศเหล่านี้ ซึ่งมองกันว่าเป็นการกดดันญี่ปุ่นด้วย
อาจารย์ฐิตินันท์กล่าวว่า จีนจะไม่ทำตามกฎเกณฑ์ของใครนอกจากของตนเอง และความร่วมมือล้านช้าง - แม่โขง จะเป็นฐานที่จะช่วยให้จีนทำเช่นนั้นได้
นักรัฐศาสตร์ไทยผู้นี้กล่าวต่อไปว่า ญี่ปุ่นกำลังประเมินบทบาทของตน การให้ความช่วยเหลือใหม่ๆ ทำให้ญี่ปุ่นมีเสียงได้ และประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อญี่ปุ่น
ในคำปราศรัยที่กรุงเทพมหานคร รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นกล่าวไว้ด้วยว่า การมีสันติภาพและเสถียรภาพ เป็นเงื่อนไขสำหรับการเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ รวมทั้งหลักการที่เป็นพื้นฐานของหลักนิติธรรม โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางทะเล
รัฐมนตรี Fumio Kishida ของญี่ปุ่น ยังได้เรียกร้องให้มีการกำหนดระเบียบปฏิบัติขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ระหว่างหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งฟิลิปปินส์และเวียดนามกับจีนด้วย
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ Carl Thayer นักวิจัยที่มหาวิทยาลัย New South Wales ในออสเตรเลีย บอกว่า จีนได้พยายามกีดกันคนนอกไม่ให้เข้าไปมีส่วนร่วมเจรจาในเรื่องความมั่นคงในทะเลจีนใต้
นักวิชาการผู้นี้กล่าวส่งท้ายว่า แม้ญี่ปุ่นกำลังพยายามเสริมสมรรถนะให้กับประเทศเหล่านี้ในการตอบโต้จีน แต่ถ้าอเมริกาไม่ดำเนินการอย่างเฉียบขาด ญี่ปุ่นทำอะไรเองไม่ได้
ทำให้สรุปได้ว่าจีนอาจไม่ต้องรีบร้อน เพราะไม่คิดว่าจะมีใครทำอะไรในเรื่องนี้