ประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน (ASEAN) ลงนามประกาศการก่อตั้งเขตความร่วมมือสามด้าน คือเศรษฐกิจ ความมั่นคง และ ท้ายสุดคือด้านสังคมและวัฒนธรรม
ที่การลงนามของประเทศสมาชิก 10 ประเทศ นายกรัฐมนตรี Najib Razak ของมาเลเซีย ประเทศเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียน กล่าวถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนที่จะทำให้เกิดบูรณาการด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในภูมิภาค
แน่น่อนว่าการเกิดเขตเศรษฐกิจเสรีภายใต้กรอบ AEC ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะอาเซียนมุ่งหมายว่า ชุมชนทางเศรษฐกิจของภูมิภาคจะเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน หลังจากที่จีนและอินเดียครองตำแหน่งหัวเรือใหญ่ด้านเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียมานาน
ความคาดหวังที่มาพร้อม AEC
หากดูขนาดประชากร 630 ล้านคนของประเทศอาเซียนทั้งหมด กลุ่มการค้า AEC เป็นตลาดที่ยังเล็กกว่าจีนและอินเดีย แต่ใหญ่กว่าสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ
อาจารย์ Michael G. Plummer จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว Associated Press ว่า อาเซียนจะสามารถช่วยสร้างสุมดุลด้านอำนาจทางเศรษฐกิจเพื่อคานอิทธิพลของจีนและอินเดีย
ประเทศอาเซียนที่ประชาชนยังมีรายได้ต่ำ 4 ประเทศคือ กัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม ยังจะไม่ลดมาตรการเพื่อเอื้ออำนวยให้เกิดเขตการค้าเสรีไปจนกว่าปี ค.ศ. 2018 หรืออีกสามปีจากนี้ และอาจารย์ Plummer กล่าวว่า AEC ยังอาจสามารถลดช่องว่างเรื่องรายได้ให้กับคนยากจนในประเทศเหล่านี้ได้
แต่ AEC ยังมีสิ่งท้าทายหลายด้าน
อาจารย์ Plummer กล่าวว่า AEC น่าเป็นโครงการการรวมตัวกันเศรษฐกิจที่ตั้งเป้าไว้สูงส่งที่สุดในบรรดากล่มประเทศกำลังพัฒนาทั้งหมดในโลก ซึ่งหมายความว่าประเทศสมาชิกยังคงต้องฝ่าในความแตกต่างหลายด้าน
AEC ซึ่งที่กลายเป็นหน่วยงานที่มีสถานะทางกฎหมายวันที่ 31 ธันวาคม ต้องเชื่อมต่อเศรษฐกิจของประเทศที่พูดกันคนละภาษา มีความหลากหลายทางศาสนา ระดับความเป็นประชาธิปไตย และยังมีรัฐบาลหลายรูปแบบ ตั้งแต่คอมมิวนิสต์ กึ่งประชาธิปไตย ระบอบกษัตริย์ และเผด็จการทหาร เป็นต้น
นั่นยังไม่รวมถึงความเหลื่อมล้ำด้านระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานภายในกลุ่มด้วย
ขณะนี้บูรณาการทางเศรษฐกิจยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ในภาคการเกษตรซึ่งมีความอ่อนไหวทางการเมือง เพราะเกษตรกรยังเป็นฐานเสียงที่สำคัญ และแม้ว่าประชาชนจากประเทศอาเซียนจะสามารถทำงานต่างประเทศได้อย่างเสรีภายในกลุ่ม แต่การเปิดเสรีนี้จำกัดอยู่ที่ 8 อุตสาหกรรมในขณะนี้ ซึ่งคิดเป็นเพียง 1.5% ของจำนวนงานทั้งหมด
นอกจากนั้นการค้าภายใน AEC กันเองยังอยู่ในระดับต่ำ คือร้อยละ 24 ของการค้าที่ประเทศสมาชิกมีกับประเทศต่างๆ ในโลก เทียบกับร้อยละ 60 ที่ประเทศสหภาพยุโรปส่งออกนำเข้ากันเองในกลุ่มของตน
อีกประการหนึ่ง การลงทุนระหว่างกันยังติดขัดเรื่องกฎหมายสำหรับชาวต่างชาติ
สหรัฐฯ กับ AEC
ประธานาธิบดีโอบามของสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมประชุมอาเซียนด้วย กล่าวถึงประเด็นด้านคอร์รัปชั่นว่า ปัญหานี้เป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆ ในโลก เช่นในแอฟริกาและลาตินอเมริกาต้องพยายามถอนรากถอนโคนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน
และหลังจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ผู้นำประเทศสมาชิก พร้อมด้วยประธานาธิบดีโอบามา และตัวแทนสูงสุดจากรัสเซีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ร่วมหารือกันในเวที East Asia Summit ต่อเนื่องกันเป็นเวลาอีกสองชั่วโมง
(รายงานโดย Associated Press และผู้สื่อข่าววีโอเอ Steve Herman / รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียง)