เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เอมี โคนี บาร์เรตต์ ผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลสูง แทนผู้พิพากษารูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก สายเสรีนิยม ที่เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 18 กันยายน
การเดินหน้าแต่งตั้งตัวเเทนฝ่ายตุลาการครั้งนี้ถูกวิเคราะห์อย่างมากในแง่มุมการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีก่อน
ในปี ค.ศ. 2016 ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งพรรคเดโมเเครต เสนอชื่อผู้พิพากษารับตำแหน่งแทน ตุลาการศาลสูง ที่เสียชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์ ปีนั้น อย่างไรก็ตาม ส.ว. มิทช์ เเม็คคอนเนลล์ จากพรรครีพับลิกัน ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาในขณะนั้น ปฏิเสธที่จะรับเรื่องเข้ากระบวนการกลั่นกรอง โดยระบุว่าควรรอให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ตอนปลายปีเสียก่อน
แต่ในครั้งนี้ ส.ว. เเม็คคอนเนลล์ ซึ่งยังคงเป็นผู้นำเสียงข้างมาในวุฒิสภา รับเรื่องที่จะดำเนินการกลั่นกรองโดยทันที เขาให้เหตุผลว่า ไม่ใช่เรื่องขัดกับความเหมาะสมที่ วุฒิสภาซึ่งมีพรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากจะดำเนินการให้มีการรับรองการแต่งตั้งตำแหน่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์จากพรรคเดียวกันเสนอมา
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา กระบวนการรับรองของวุฒิสภาหลังจากที่บุคคลได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตุลาการศาลสูง ใช้เวลาเฉลี่ย 67 วัน
แต่สำหรับผู้พิพากษาเอมี โคนี บาร์เรตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มกระบวนการกลั่นกรองในสภาได้ วันที่ 12 ตุลาคม วุฒิสภามีเวลาเพียง 23 วันก่อนวันเลือกตั้ง
วุฒิสมาชิกเดบบี สตาบีโนว์ แห่งพรรคเดโมเเครต กล่าวว่าผู้นำสหรัฐฯ มีความชอบธรรมที่จะเสนอชื่อ แต่ในประวัติศาสตร์อเมริกัน หากเป็นปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ยังไม่เคยมีการรับรองการเสนอชื่อตุลาการศาลสูงคนใด ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมและพฤศจิกายน
การศึกษาโดยสถาบันวิจัยด้านนโยบาย Brookings Institution ระบุว่า จากการเก็บข้อมูลตั้งแต่ยุคหลังสงครามกลางเมืองในอเมริกา หากมีตำแหน่งตุลาการศาลสูงว่างลงในปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี จะมีการแต่งตั้งและรับรองทุกครั้ง จนกระทั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีก่อนที่กล่าวมาสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ส่วน วุฒิสมาชิกรอย บลันท์ จากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ในประวัติศาสตร์อเมริกัน มี 15 กรณีที่มีตำแหน่งตุลาการว่างลง ในเวลาที่ผู้ที่เป็นประธานาธิบดีกับผู้กุมเสียงข้างมากในวุฒิสภามาจากพรรคเดียวกัน จะเกิดกระบวนการเเต่งตั้งและรับรองตัวแทนฝ่ายตุลาการแทบทุกครั้ง
แต่เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน Five Thirty-Eight ชี้ว่า ร้อยละ 52 ของคนอเมริกัน เห็นควรที่จะให้ผู้ที่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นผู้เสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูง
เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ เคยกล่าวว่า ปัญหาการใช้สิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการลงคะเเนนผ่านไปรษณีย์ อาจทำให้ศาลสูงเป็นผู้ตัดสินผลการเลือกตั้งปีนี้ ส.ว. ดิค เดอร์บิน จากพรรคเดโมเเครต ผู้ดำรงตำแหน่ง ‘วิป’ ของพรรคเสียงข้างน้อยในวุฒิสภากล่าวว่า เอมี บาร์เรตต์ ควรถอนตัวออกจากการพิจารณาคดี ในเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้าเธอได้รับการรับรองจากวุฒิสภา
ส.ว. เดอร์บินยอมรับว่าพรรคเดโมเเครต คงไม่มีความหวังมากนักในการขัดขวางการรับรอง ผู้พิพากษาบาร์เรตต์ ในกระบวนการของวุฒิสภา
เดโมเเครตต้องการ 4 เสียงจากรีพับลิกันในวุฒิสภา ที่จะมาช่วยยับยั้งการอนุมัติ เอมี บาร์เรตต์ ให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูง แต่ขณะนี้มีแนวร่วมจากรีพับลิกันเพียง 2 ราย
ทั้งนี้ฝ่ายรีพับลิกันคาดว่าจะสามารถส่งเรื่องการรับรองจากคณะกรรมาธิการตุลาการ ในวันที่ 26 ตุลาคม ไปยัง ส.ว.เเม็คคอนเนลล์ ที่จะเปิดการลงมติในที่ประชุมใหญ่วุฒิสภา เพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน