สื่อสหรัฐฯรายงานเย็นวันศุกร์ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะประกาศชื่อ "เอมี โคนีย์ บาร์เรตต์" ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้รับตำแหน่งที่ว่างลงในคณะตุลาการศาลสูงหลังจากการเสียชีวิตของ ตุลาการรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก เสียชีวิตลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หลังการประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ วุฒิสภาจะทำหน้าที่กลั่นกรองและลงมติว่าจะรับรองการแต่งตั้งนี้หรือไม่ โดยฝ่ายรีพับลิกันที่คุมเสียงข้างมากอยู่ในวุฒิสภาระบุว่าพร้อมลงมติ ขณะที่ฝ่ายเดโมเเครตโจมตีการเร่งดำเนินการแต่งตั้ง โดยไม่รอให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี วันที่ 3 พฤศจิกายน
สื่อ Washington Post, PBS, New York Times และ CNN อ้างแหล่งข่าวที่กล่าวว่าผู้นำสหรัฐฯ ตัดสินใจเลือกเอมี บาร์เรตต์ ให้รับตำแหน่งที่ว่างลง หลังจากที่ชื่อของเธอถูกคาดหมายว่าเป็นหนึ่งในตัวเก็งตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
การเดินเกมส์เพื่อคัดสรรผู้รับตำแหน่งที่ว่างลงก็เกิดขึ้นทันที เพราะการเสนอชื่อเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ที่หากเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ผู้ที่เล่นบทนี้อาจไม่ใช่คนเดิม
หากได้รับการรับรองจากวุฒิสภา ผู้พิพากษาบาร์เรตต์ วัย 48 ปีจะสามารถดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงจนสิ้นอายุขัย และการวินิจฉัยกฎหมายของเธอจะส่งผลต่อดุลยภาพระหว่างแนวคิดอนุรักษ์นิยมและเสรีนิยมในการตีความรัฐธรรมนูญ ยาวนานอีกหลายสิบปี
การเสียชีวิตของผู้พิพากษากินส์เบิร์ก ทำให้กลุ่มตุลาการแนวคิดเสรีนิยมในศาลสูง ขาดผู้นำคนสำคัญไปหนึ่งเสียง เหลือเพียง 3 เสียง ขณะที่ตุลาการแนวคิดอนุรักษ์นิยมมีอยู่ 5 เสียง
งานที่รออยู่ตรงหน้าของตุลาการศาลสูง คือการพิจารณาข้อกฎหมายในหลายประเด็นที่มีผลต่อชาวอเมริกัน ตั้งเรื่อง ประกันสุขภาพ คนต่างด้าว และเสรีภาพทางศาสนา เป็นต้น
เอมี โคนีย์ แบร์เร็ต ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ วัย 48 ปี ที่เคยสอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัย Notre Dame ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาสายคาทอลิกที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง ของสหรัฐฯ
วุฒิสภาลงมติให้เธอรับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยเสียง 55-43
เอมี แบร์เร็ต เคยกล่าวกับนักศึกษาของเธอว่า อาชีพกฎหมายเป็นเพียงเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางในการสร้าง “อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า”
เธอเคยถูกตั้งคำถามจากวุฒิสมาชิก ไดเเอน ไฟน์สไตน์ ว่าความเชื่อทางศาสนาของเธอจะทำให้เธอทำงานในหน้าที่ผู้พิพากษาได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องเสรีภาพในการทำแท้ง
ในการตอบคำถามในช่วงการกลั่นกรองความเหมาะสม เอมี แบร์เร็ต กล่าวว่าเธอจะพิจารณากฎหมายตามคำวินิจฉัยของศาลสูงที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และว่าจะไม่ใช้ความเชื่อส่วนตัวในการพิจารณากฎหมาย