ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีวาระสำคัญที่ต้องบรรลุในภารกิจ 8 วันในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ตั้งแต่การกระชับสัมพันธ์กับพันธมิตรอันยาวนานของสหรัฐฯ การสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีอเมริกันคนแรกที่เยือนปาปัวนิวกินีในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และการตอกย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในแปซิฟิก
ไบเดนจะเยือนที่ไหนบ้าง?
จุดหมายปลายทางแรก ประธานาธิบดีไบเดน จะเยือนฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี7 โดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ในฐานะประเทศเจ้าภาพ เลือกฮิโรชิมาบ้านเกิดของเขาเป็นสถานที่จัดการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นพิกัดในประวัติศาสตร์ยุคสงคราม ที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมืองดังกล่าว เมื่อปี 1945
แม้สงครามจะสิ้นสุดไปหลายทศวรรษแล้ว แต่ความสำคัญของฮิโรชิมายังหยั่งรากลึกมาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้สถานการณ์ที่รัสเซียได้ข่มขู่มาตลอดว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (tactical nuclear weapons) ส่วนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเกาหลีเหนือก็เดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์วิถีโค้ง และฝั่งอิหร่านเดินหน้าโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง
จากญี่ปุ่น ปธน.ไบเดน จะสร้างประวัติศาสตร์ในการเยือนปาปัวนิวกินี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการขยายอิทธิพลด้านการทหารและด้านเศรษฐกิจของจีนในภูมิภาค
ก่อนจะจบทริปด้วยการเยือนออสเตรเลีย เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดจตุภาคี หรือ Quad ร่วมกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแอนโธนี อัลบาเนซี (Anthony Albanese) นายกรัฐมนตรีอินเดียนเรนทรา โมดิ และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ
ความเป็นหุ้นส่วนจตุภาคี ได้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในช่วงการรับมือกับคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2004 ซึ่งคร่าชีวิต 230,000 คน และนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ปธน.ไบเดนพยายามที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่ม Quad ให้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสะท้อนความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
ภารกิจเยือน 3 ประเทศในภูมิภาคนี้ จะถือเป็นโอกาสแก่ประธานาธิบดีไบเดน ในวัย 80 ปี ซึ่งเพิ่งประกาศรักษาเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยสอง ให้ได้แสดงศักยภาพว่าเขามีความพร้อมมากพอในการสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีหน้าด้วยเช่นกัน
ประเด็นใหญ่ที่ต้องจับตาในภารกิจนี้ของไบเดนมีอะไรบ้าง?
การรุกรานยูเครนของรัสเซียและบทบาทอันก้าวร้าวของจีนในทะเลจีนใต้และบริเวณช่องแคบไต้หวัน จะเป็นประเด็นหลักของปธน.ไบเดนในภารกิจเยือน 3 ประเทศนี้
โดยในเวทีประชุมรัฐมนตรีกลุ่มจี7 เมื่อเดือนที่แล้ว ประเทศสมาชิกทั้งหมดให้คำมั่นในการต่อต้านภัยคุกคามของจีนต่อไต้หวันและประณามรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน รวมทั้งเตรียมการสำหรับ “มาตรการลงโทษที่เข้มข้นขึ้น” ต่อรัสเซีย แต่ในรายละเอียดรวมทั้งความยินยอมพร้อมใจในการดำเนินมาตรการลงโทษของแต่ละประเทศสมาชิกจี7 ยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อไป
กระชับสัมพันธ์หมู่เกาะแปซิฟิก
การเยือนปาปัวนิวกินีช่วงสั้น ๆ เพื่อพบปะกับผู้นำหมู่เกาะแปซิฟิก จะเป็นโอกาสให้ปธน.ไบเดน ได้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ จริงจังในการรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกลดบทบาทความสำคัญจากสหรัฐฯ ไปหลังจากสงครามเย็น และจีนเข้ามาเติมเต็มช่องว่างความสัมพันธ์ที่หายไปในช่วงที่ผ่านมา ผ่านการเพิ่มความร่วมมือด้านความช่วยเหลือ การพัฒนา และความมั่นคง ซึ่งปธน.กล่าวว่าเขามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางที่เป็นอยู่นี้
เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน ปธน.ไบเดนเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำหมู่เกาะแปซิฟิกที่ทำเนียบขาว พร้อมประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ในการช่วยเหลือภูมิภาคนี้ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผิดธรรมชาติและความมั่นคงทางทะเล และคณะทำงานของปธน.ไบเดนยังเปิดสถานทูตในหมู่เกาะโซโลมอนและตองกา รวมทั้งมีแผนจะเปิดสถานทูตในคิริบาตีอีกด้วย
ในภารกิจนี้ ปธน.ไบเดน จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เยือนปาปัวนิวกินีในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เยือนปาปัวนิวกินีมาแล้วเมื่อปี 2018
‘ไบเดน’ พบปะ ‘โมดิ’
ในโอกาสนี้ ปธน.ไบเดน จะมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันมากมายกับนายกรัฐมนตรีอินเดีย โดยนายกฯ โมดิได้รับเชิญในฐานะผู้นำนอกกลุ่มจี7 ให้เข้าร่วมประชุมสุดยอดที่ฮิโรชิมาของญี่ปุ่น และจะไปพบปะผู้นำกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกที่ปาปัวนิวกินี จากนั้นทั้งสองจะไปเยือนออสเตรเลียเพื่อประชุมกลุ่ม Quad ในนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย และหลังจากทริปนี้ ปธน.ไบเดนจะพบกับผู้นำอินเดียอีกครั้ง ในการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของนายกฯ โมดิ ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้
โดยรวมแล้วถือว่าทริปนี้สะท้อนว่า ‘อเมริกากลับมาแล้ว’ จริงหรือเปล่า?
ระหว่างที่ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมการเยือนแปซิฟิก เขากลับต้องเผชิญปัญหาการเมืองในประเทศในประเด็นการปรับเพดานหนี้ ซึ่งหากไม่มีข้อสรุปในอีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกันได้
ภารกิจเยือน 3 ประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เป็นจังหวะที่ปธน.ไบเดนจะเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังจากประกาศลงชิงชัยในการเลือกตั้งปีหน้า แต่กลับเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ในอเมริกาไม่สู้ดีนัก เพราะมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอเมริกันจะเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้
นับตั้งแต่เริ่มต้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ปธน.ไบเดน กล่าวกับผู้นำโลกว่า “อเมริกากลับมาแล้ว” เป็นหนทางที่รวดเร็วที่สุดในการสร้างความเชื่อมั่นให้พันธมิตรว่าอเมริกากำลังกลับมาในฐานะผู้นำในเวทีโลก สวนทางกับนโยบายต่างประเทศแบบ “อเมริกาต้องมาก่อน” ในยุคอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์
ทว่า ปธน.ไบเดน ได้รับรู้ถึงความกังขาของบรรดาผู้นำโลกที่เฝ้าถามเขาตลอดว่า อเมริกาจะกลับมาได้ “อีกนานแค่ไหน?”
ในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะทำงานปธน.ไบเดน ได้กล่าวว่า วิกฤตเพดานหนี้ภาครัฐของอเมริกายังคงเป็นสัญญาณที่น่ากังวล
โดยจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า “มันได้ส่งข้อความที่เลวร้ายให้ประเทศอย่างรัสเซียและจีน ซึ่งไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าโอกาสที่จะมุ่งเป้ามาที่เรื่องนี้พร้อมกับบอกว่า ‘เห็นไหมว่าอเมริกาไม่ได้เป็นหุ้นส่วนที่พึ่งพาได้ อเมริกาไม่ใช่ผู้นำแห่งสันติภาพและความมั่นคงของทั่วโลกเลย’ ”
- ที่มา: เอพี