ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ชาวเดโมแครตกังวลกรณีไบเดนประกาศลงเลือกตั้งปธน.สมัยสอง


Biden
Biden

การประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ของ โจ ไบเดน ในปีหน้า กลายมาเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตจำนวนไม่น้อยรู้สึกกังวล และบางรายถึงกับแสดงความไม่สนใจการเลือกตั้งนี้แล้ว

หนึ่งในผู้ออกมาแสดงความเห็นในประเด็นนี้คือ เจมี เลฟฟ์ วัย 32 ปี นักดนตรีจากเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ซึ่งกล่าวว่า ตนไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่สิ่งแรกที่แว่บเข้ามาในหัวคือ “ความรู้สึกผิดหวัง” พร้อมระบุว่า “[ไบเดน] มีระดับความนิยมที่ต่ำมาก ๆ และเขาก็แก่มากด้วย ... รู้สึกเหมือนว่า เขาไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่จะมาบริหารประเทศเลย” และว่า “เรา ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นหนุ่มสาวต้องการจะเห็นการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ... แล้วเขา[ไบเดน]จะให้พวกเราได้เหรอ ... ผมไม่แน่ใจ”

ความเห็นดังกล่าวสะท้อนผลการสำรวจล่าสุดของ Associated Press-NORC Center for Public Affairs Research ในเดือนเมษายน ที่ระบุว่า มีผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเพียง 47% เท่านั้น ที่ต้องการให้ไบเดนลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง

แต่ถึงกระนั้น ผลสำรวจนี้พบว่า ชาวเดโมแครตที่ร่วมทำแบบสอบถามถึง 81% กล่าวว่า “อย่างน้อยตนก็อาจจะสนับสนุน” ไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเพื่อสู้กับตัวแทนพรรครีพับลิกัน

นอกจากนั้น การสำรวจโดย USA Today/มหาวิทยาลัยซัฟฟอค (Suffolk University) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ชี้ว่า ชาวอเมริกันราวครึ่งหนึ่งกล่าวว่า อายุในอุดมคติสำหรับประธานาธิบดีนั้นน่าจะอยู่ที่ระหว่าง 51 และ 65 ปี แต่ราว 1 ใน 4 แย้งว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีควรมีอายุไม่เกิน 50 ปี

นอร์มา รอดริเกซ ชาวอเมริกันสูงอายุที่ยังทำงานเป็นล่ามในนครไมอามี รัฐฟลอริดาและสนับสนุนพรรคเดโมแครต เห็นด้วยว่า ปัจจัยอายุคือสิ่งที่ทำให้ตนคิดหนักเกี่ยวกับการลงสมัครเลือกตั้งสมัยที่ 2 ของไบเดน โดยไม่ใช่เป็นเพราะความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพแต่ยังมีเรื่องของอคติด้านอายุของผู้ใช้สิทธิ์บางราย

ส่วนผู้ใช้สิทธิ์อิสระที่ไม่สนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ช่วยให้ไบเดนมีชัยในการเลือกตั้งในปี ค.ศ.2020 มีความกังวลเกี่ยวกับอายุของไบเดนเช่นกัน อย่างเช่น แอบบี เร ลาคมบ์ จากเพนซิลเวเนีย ที่ประกาศตนว่า ต่อต้านทรัมป์เต็มตัว ซึ่งชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันนั้น “มีอายุมากและพูดติดอ่าง ซึ่งไม่ใช่ลูกผสมที่ดีที่สุด สำหรับการกล่าวสุนทรพจน์ที่มีเนื้อหาเร้าความรู้สึก” แต่ ลาคมบ์ ก็ยังให้เครดิตกับไบเดนสำหรับการนำพาประเทศฝ่าวิกฤตโควิด การดำเนินการต้านรัสเซียอย่างเหมาะสม การรับมือกับภาวะเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยดังที่หลายฝ่ายคาด และการรับมือกับปัญหาเอกสารลับรั่ว ซึ่งทั้งหมดก็ยัง “เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าตัวแทนพรรครีพับลิกันที่นับถือลัทธิฟาสซิสต์” ในมุมมองของเธอ

ขณะเดียวกัน ชาลส์ บุลล็อค อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งจอร์เจีย (University of Georgia) ให้ความเห็นว่า หลายคนมองดูไบเดนแล้วตั้งคำถามว่า พรรคเดโมแครตคือพรรคสูงวัยหรือเปล่า แต่สถานการณ์ของพรรครีพับลิกันก็ไม่แตกต่างกันมาก เพราะผู้นำประเทศคนล่าสุดของพรรคนี้ก็มีอายุน้อยกว่าไบเดนเพียง 4 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองพรรคใหญ่ก็มีปัญหาคล้ายกันอยู่

จิลเลียน สเตรเกอร์ ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน บอกกับ วีโอเอ ว่า เธอรู้สึกว่า สุขภาพจิตของไบเดนดูค่อย ๆ เสื่อมถ่อยลง เมื่อลองดูเวลาผู้นำต้องพูดหรือพยายามนำเสนอความคิดออกมา และเธอก็เชื่อว่า พรรครีพับลิกันจะไปได้ดีกว่า ถ้าเสนอตัวแทนพรรคที่แข็งแกร่งกว่าและใหม่แกะกล่อง เมื่อเทียบกับโดนัลด์ ทรัมป์

และขณะที่ บางรายหวังว่า ความสำเร็จของรัฐบาลไบเดนจะช่วยดึงคะแนนเสียงสนับสนุนให้ได้ชัยในสมัยที่ 2 ได้ โรเบิร์ต คอลลินส์ ศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะและการศึกษาพื้นที่เมือง แห่งมหาวิทยาลัยดิลลาร์ด (Dillard University) ในเมืองนิวออร์ลีนส์ บอกกับ วีโอเอ ว่า มีเพียงสองปัจจัยที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า จะดึงดูดผู้คนให้มาลงคะแนนเสียงได้ โดยอธิบายว่า “นั่นคือ ความหวัง – แต่ยังไม่มีใครนำเสนอจุดนี้ออกมาได้ตั้งแต่โอบามา – และก็ ความกลัว ... ความกลัวว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีกคนเป็นผู้ได้รับเลือก”

  • ที่มา: วีโอเอ
XS
SM
MD
LG