ลิ้งค์เชื่อมต่อ

อัพเดท: ‘ไบเดน’ เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ ‘มาร์กอส จูเนียร์’ - หารือประเด็นพิพาททะเลจีนใต้


USA-PHILIPPINES/
USA-PHILIPPINES/

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เปิดทำเนียบขาวต้อนรับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ในวันจันทร์ เพื่อหารือประเด็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ หลังจากมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจากกรณีการกระทบกระทั่งระหว่างเรือของกองทัพเรือจีนกับเรือฟิลิปปินส์เมื่อเร็ว ๆ นี้

ในระหว่างการหารือห้องทำงานประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Oval Office) ไบเดน ได้ยืนยันกับมาร์กอส จูเนียร์ ว่า “สหรัฐฯ ยังคงยึดมั่นใน พันธกรณีอันแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าที่จะช่วยปกป้องฟิลิปปินส์ ซึ่งรวมถึงกรณีทะเลจีนใต้ และเราก็จะเดินหน้าสนับสนุนเป้าหมายการปรับปรุงกองทัพฟิลิปปินส์ให้ทันสมัยขึ้นด้วย”

รอยเตอร์ระบุว่า คำกล่าวของปธน.ไบเดนนี้เป็นการอ้างอิงถึงสนธิสัญญาร่วมป้องกันประเทศของสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ ปี 1951 (1951 Mutual Defense Treaty) อันมีเนื้อหาที่ระบุว่าสหรัฐฯ จะลงมือปฏิบัติการด้วย ในกรณีที่เกิดการโจมตีด้วยอาวุธเข้าใส่กองทัพฟิลิปปินส์

ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งเป็นผู้นำฟิลิปปินส์คนแรกในรอบกว่า 10 ปีที่เดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ได้เน้นย้ำความสำคัญของสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรทางสนธิสัญญาเพียงรายเดียวในภูมิภาคทะเลจีนใต้ที่ “อาจเรียกได้ว่ามีสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความซับซ้อนมากที่สุดในโลกในเวลานี้”

มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวด้วยว่า “เป็นธรรมดาที่ฟิลิปปินส์จะหันหาหุ้นส่วนสนธิสัญญารายเดียวในโลกที่จะมาช่วยเสริมสร้างและปรับแต่งความสัมพันธ์ที่มีระหว่างกันรวมทั้งบทบาทที่เราต้องเล่นเมื่อเผชิญหน้ากับความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคจีนใต้ เอเชียแปซิฟิกและอินโด-แปซิฟิก”

การเยือนกรุงวอชิงตันเป็นเวลา 4 วันของผู้นำฟิลิปปินส์ มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์เพิ่งเสร็จสิ้นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดของสองประเทศ และกำลังเริ่มการซ้อมรบทางอากาศรอบใหม่ในวันจันทร์ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีค.ศ.1990

USA-PHILIPPINES/
USA-PHILIPPINES/

เมื่อต้นปีนี้ ฟิลิปปินส์ตกลงให้สหรัฐฯ สามารถเข้าถึงฐานทัพอีก 4 แห่งของฟิลิปปินส์ ในช่วงเดียวกับที่สหรัฐฯ พยายามต้านทานการขยายอิทธิพลทางทหารของจีนรอบไต้หวันและในทะเลจีนใต้

รอยเตอร์ระบุว่า กรุงวอชิงตันมองฟิลิปปินส์เป็นเหมือนกุญแจสำคัญในการต้านการรุกรานไต้หวันของจีน ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า สหรัฐฯ น่าจะเลือกให้ฟิลิปปินส์เป็นที่ตั้งฐานยิงจรวด ขีปนาวุธและระบบปืนใหญ่ เพื่อต่อต้านการยกพลขึ้นบกโจมตีไต้หวันโดยจีน

เมื่อวันอาทิตย์ ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวก่อนเยือนสหรัฐฯ ว่า ตนตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในด้านต่าง ๆ "ซึ่งไม่ใช่แค่จัดการกับปัญหาในช่วงเวลานี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งสำคัญต่อการเดินหน้าภายใต้ผลประโยชน์หลักของเราด้วย"

ที่ผ่านมา จีนสร้างความขุ่นเคืองให้ฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่องด้วยการขับไล่เรือของกองทัพ เรือลาดตระเวนชายฝั่ง และเรือประมงของฟิลิปปินส์ ออกจากบริเวณน่านน้ำใกล้กับแนวชายฝั่งหลายแห่งของฟิลิปปินส์ซึ่งจีนกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เช่นกัน

ตั้งแต่ปีที่แล้ว ฟิลิปปินส์ได้ยื่นประท้วงทางการทูตต่อทางการจีนไปแล้วมากกว่า 200 ครั้ง รวมถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 เมษายน เมื่อผู้สื่อข่าวของเอพีและหลายสำนักข่าวได้ขึ้นไปบนเรือลาดตระเวนของฟิลิปปินส์ บีอาร์พี มาลาปาสกัว (BRP Malapascua) ซึ่งเดินทางไปบริเวณสันทราย เซคันด์ ธอมัส (Second Thomas Shoal) ก่อนที่จะถูกเรือของจีนสกัดไว้ไม่ให้เข้าไปในบริเวณนั้น

A Chinese coast guard ship with bow number 5201 blocks Philippine coast guard ship BRP Malapascua as it maneuvers to enter the mouth of the Second Thomas Shoal, locally known as Ayungin Shoal, at the South China Sea, April 23, 2023.
A Chinese coast guard ship with bow number 5201 blocks Philippine coast guard ship BRP Malapascua as it maneuvers to enter the mouth of the Second Thomas Shoal, locally known as Ayungin Shoal, at the South China Sea, April 23, 2023.

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แมทธิว มิลเลอร์ กล่าวถึงเหตุการณ์ล่าสุดนี้ว่า "เป็นการย้ำเตือนถึงการละเมิดและคุกคามของจีนต่อเรือฟิลิปปินส์ที่ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามปกติในเขตเศรษฐกิจพิเศษของตัวเอง สหรัฐฯ ขอให้จีนหลีกเลี่ยงการยั่วยุและการกระทำที่ไม่ปลอดภัย"

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดน และปธน.มาร์กอส จูเนียร์ พบปะกันมาแล้วเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งไบเดนได้กล่าวกับมาร์กอสถึงความประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศ แม้ที่ผ่านมาจะมีช่วงที่ความสัมพันธ์ค่อนข้าง "ขรุขระ" บ้างก็ตาม

นอกจากเยือนทำเนียบขาวแล้ว ผู้นำฟิลิปปินส์ยังจะเดินทางไปอาคารกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และพบกับคณะรัฐมนตรีและผู้นำธุรกิจอเมริกัน ระหว่างการเยือนอเมริกาครั้งนี้ด้วย

  • ที่มา: เอพีและรอยเตอร์
XS
SM
MD
LG