ปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมาก รวมทั้ง นักท่องเที่ยวในสหรัฐฯ กลับมาโดยสารเครื่องบินอีกครั้ง จนทำให้ระดับของการเดินทางด้วยเครื่องบินบางช่วงของปี 2022 เกือบกลับไปใกล้เคียงหรือดีกว่าในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่เดินทางเพื่อติดต่องาน หรือ ‘business travel’ ยังคงต่ำกว่า ช่วงปี 2019 25% ถึง 30%
สำนักข่าวเอพีระบุว่า ผู้โดยสารกลุ่มนี้มักจ่ายค่าตั๋วโดยสารแพงกว่ากลุ่มอื่น ๆ พอสมควรจึงมีความสำคัญต่อรายได้และกำไรของสายการบิน
จอห์น แกรนท์ นักวิเคราะห์แห่ง OAG ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทาง เห็นด้วยและเสริมว่า ความท้าทายของธุรกิจสายการบินในการฟื้นตัวนั้นขึ้นอยู่กับการหวนกลับมาของผู้โดยสาร ‘ทริปทำงาน’ นี้ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะกลับมาอย่างเต็มตัวเมื่อใด
ทางด้านสมาคม The Global Business Travel Association คาดการณ์ว่า การเดินทางแบบ ‘business travel’ จะไม่กลับมาอยู่ในระดับปกติจนกระทั่งช่วงกลางปี 2026 ซึ่งช้ากว่าที่ทางสมาคมเคยประเมินไว้ถึง 18 เดือนเลยทีเดียว
ชัค แตคสตัน หัวหน้านักวิเคราะห์แห่ง Airlines Reporting Corp ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นตัวกลางระหว่างสายการบินและตัวแทนการจำหน่ายแพ็คเกจท่องเที่ยว อธิบายว่า สาเหตุที่การเดินทางประเภทธุรกิจยังไม่ฟื้นกลับมาเหมือนก่อน เพราะการเดินทางประเภทนี้มีองค์ประกอบหลายอย่างมากกว่าการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน เขายกตัวอย่าง เช่น นักธุรกิจบางคนต้องการจะบินไปเยี่ยมลูกค้าที่นครนิวยอร์ก แต่ในสำนักงานที่นิวยอร์กกลับยังไม่มีคนกลับไปทำงาน ดังนั้น การเดินทางประเภทนี้จึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้
นักวิเคราะห์ผู้นี้เสริมว่า งานสัมมนาและนิทรรศการใหญ่ ๆ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเดินทางติอต่อธุรกิจ กำลังค่อย ๆ จะกลับมา
สายการบินบางเเห่งกล่าวว่า ยอด business travel ลดลง เพราะในช่วงที่โควิดระบาด บริษัทบางได้ตั้งกฎที่เคร่งครัดในการเดินทางด้วยการโดยสารเครื่องบินเพื่อป้องกันสุขภาพของพนักงานและประหยัดค่าจ่ายไปพร้อม ๆ กัน
แอนดรูว์ แวตเตอสัน ผู้บริหารด้านการสื่อสารของสายการบิน Southwest สังเกตว่า ตั้งแต่การเดินทางแบบ ‘ทริปทำงาน’ เริ่มหวนกลับมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ผู้ที่เดินทาง มักมาจากบริษัทเล็กๆ รัฐบาล หรือ (บริษัท)ที่เกี่ยวกับด้านการศึกษา แต่สำหรับลูกค้านักธุรกิจรายใหญ่ ๆ โดยเฉพาะที่อยู่แวดวงการเงิน การให้คำปรึกษา และเทคโนโลยีนั้นยังไม่กลับมาดี”
ทางสายการบิน Southwest กล่าวด้วยว่า การโดยสารเครื่องบินในเดือนกันยายนจะถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะจะสามารถนำข้อมูลมาใช้เพื่อประเมินการโดยสารในอนาคตของกลุ่ม business travel ได้
โดยปกติแล้ว การเดินทางแบบธุรกิจจะคึกคักที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ และมักตื่นตัวอีกครั้งในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม
นอกจากนี้ สำนักเอพีกล่าวว่า ลักษณะของการเดินทางติดต่อธุรกิจได้เปลี่ยนไป เพราะหลายบริษัทเริ่มคุ้นชินกับอนุมัติงบการเดินทางที่น้อยลง การเดินทางบางครั้งยังถูกเปลี่ยนเป็นการประชุมผ่านวีดีโอคอลแทนหรือไม่ก็ยกเลิกและปรับให้เป็นแบบออนไลน์ไปเลย นอกจากนี้นิทรรศการหรืองานสัมมนาใหญ่ ๆ ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็น “ไฮบริด” ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าร่วมทางออนไลน์ได้
Standard & Poor’s บริษัทวิเคราะห์ด้านการเงินของสหรัฐฯ ระบุว่า แม้ตารางการจัดการนิทรรศการหรืองานสัมมนาใหญ่ ๆ ในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงนี้จะเกิดขึ้นบ่อยขึ้นแล้ว แต่ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและโควิดสายพันธุ์ใหม่ยังถือเป็นความเสี่ยงสำคัญอยู่
วาสุ ราจา ผู้บริหารด้านการสื่อสารของสายการบิน American Airlines กล่าวว่า ‘ทริปทำงาน’ แบบเช้าไปเย็นกลับได้เริ่มหายไป เพราะการเดินทางประเภทนี้เปลี่ยนไปเป็นการผสมระหว่างเดินทางไปทำงานกับการพักผ่อนแทน เช่น บินไปทำงานวันพฤหัสบดีและบินกลับบ้านวันอาทิตย์ โดยทริปการเดินทางนี้คู่ครองมักจะไปด้วยเพื่อไปเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์นั่นเอง
สมาคม The Global Business Travel Association ประเมินว่า business travel ในปี 2019 มีมูลค่าสูงกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าว ลดลงไปกว่าครึ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพราะการระบาดของโควิด สมาคมยังคาดการณ์ด้วยว่า การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในช่วงต้นปีนีได้ทำให้การสร้างเม็ดเงินจาก business travel ของสารการบินน่าจะตกมาอยู่ที่เพียง 933,000 ล้านดอลลาร์สำหรับปี 2022
ทั้งนี้ สายการบินส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ได้รายงานว่า มีกำไรในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ โดยเฉพาะ สารการบิน American Airlines และ United ที่สามารถทำกำไรได้เป็นไตรมาสแรก โดยไม่นับรวมถึงเงินช่วยเหลือจากทางรัฐบาล ในไตรมาสที่สามซึ่งเป็นไตรมาสปัจจุบัน มีผู้คนออกเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวมากในช่วงดังกล่าว ดังนั้น น่าจะทำทั้งสองสายการบินนี้น่าจะสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจแบบไม่ติดลบได้อีกครั้ง
- ที่มา: เอพี