นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เข้าร่วมการหารือและรับประทานอาหารค่ำ ร่วมกับนักธุรกิจสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน หรือ(U.S.-ASEAN Business Council: USABC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจคู่ขนานระหว่างการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 77 ที่นครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มนักธุรกิจชาวสหรัฐฯจากหลายภาคส่วน เดินทางเข้าร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยกับคณะผู้แทนภาครัฐจากประเทศไทย
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้สัมภาษณ์กับ 'วีโอเอ ไทย' ว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ได้มีโอกาสสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มธุรกิจ ทั้งในภาคการค้าการบริการ การขนส่ง การเชี่อมโยงดิจิทัล ห่วงโซ่อุทาน รวมทั้งด้านเวชภัณฑ์สุขภาพ ขณะที่การพบปะในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจสหรัฐฯที่สนใจการลงทุนภาคพลังงาน ซึ่งกำลังเป็นหนึ่งทิศทางสำคัญในการพัฒนาในอนาคต
“วันนี้ที่มาส่วนใหญ่เป็นพลังงานก็แต่เป็นพลังงานในหลายๆมิตินะครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเชิญชวนให้ประเทศไทยรัฐบาลไทยเริ่มใช้คือการใช้ปรับปรุงโครงสร้างตึกอาคารบ้านเรือนตามกฎระเบียบของไทยเองนะครับให้ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” นายธานี กล่าวกับ 'วีโอเอ ไทย'
อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศย้ำด้วยว่า มีสัญญานที่ดี ที่จะได้เห็นกลุ่มธุรกิจในสหรัฐฯ เตรียมเดินทางไปเมืองไทยในช่วงปลายปีนี้เพื่อสานต่อและประสานลู่ทางความสัมพันธ์เพื่อการลงุทนในไทยหลังวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้น
“ภาคเอกชนของสหรัฐมีความรู้สึกตื่นเต้นนะครับเป็นห่วงมากที่ภูมิภาค และประเทศไทยของเราเปิดตัวแล้วนะครับหลังจากโควิด-19 ..ทุกคนก็มุ่งหวังนะครับตื่นเต้นกันที่จะเดินทางกลับประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้นะครับหลังการประชุมเอเปค ทาง USABC (สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และ สภาหอการค้าสหรัฐฯ (USCC) จะจัดคณะใหญ่เลยนะกลับไปบุกประเทศไทยเลยเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการค้าการลงทุนกับเรา ทั้งพลังงาน สาขาสุขภาพ แล้วก็อีกหลายสาขานะครับ มีโอกาสทางด้านการค้าการลงทุนด้ารสาขาพลังงานค่อนข้างมากในประเทศไทยเพราะประเทศไทยเราก็มีความจำเป็นในการที่ต้องพึ่งพาด้านพลังงานจากนอกประเทศ” อธิบดีกรมสารนิเทศ เปิดเผย
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยเปิดเผยว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ร่วมเป็นเจ้าภาพการหารือของกลุ่มประเทศให้บริการหลักประกันสุขภาพทั่วหน้าและสุขอนามัยโลก หรือ Group of Friends of Universal Health Coverage and Global Health ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ร่วมกับผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ โดยเน้นย้ำการหารือเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ต่อการให้บริการด้านสาธารณสุขภายใต้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC) ความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม การเร่งความคืบหน้าด้าน UHC ตลอดจนการระบุวิสัยทัศน์ร่วมของกลุ่มฯ เพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชนทุกคนและความมั่นคงด้านสุขภาพระดับโลก ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทโดดเด่นในมาตรฐานนโยบายสุขภาพในอันดับต้นๆของโลก จึงได้เป็นตัวอย่าง และนำบทเรียน แบ่งปันกับประชาคมระหว่างประเทศในโอกาสนี้ด้วย