ลิ้งค์เชื่อมต่อ

งานวิจัยชี้ 'ภาวะโลกร้อน' อาจทำให้เกิดความรุนแรงต่อสตรีเพิ่มขึ้น


A group of woman wait for the arrival of a United Nations convoy near the village of Sabon Machi, Maradi region, Niger on Aug. 16, 2018.
A group of woman wait for the arrival of a United Nations convoy near the village of Sabon Machi, Maradi region, Niger on Aug. 16, 2018.

การศึกษาวิจัยครั้งใหม่พบว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดบ่อยขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มักทำให้ปัญหาความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร The Lancet Planetary Health ได้ศึกษางานวิจัยจาก 5 ทวีป และพบว่ามีความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงมากขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม ภัยแล้ง พายุเฮอริเคน และเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วอื่น ๆ ที่เกิดบ่อยครั้งขึ้นในสภาวะโลกร้อน

องค์กรด้านมนุษยธรรมที่ทำงานด้านภัยธรรมชาติควรตระหนักถึงแนวโน้มที่น่าหนักใจนี้ ในการวางแผนการดำเนินงานของทางองค์กร

ซาร่าห์ ซาวิช เคลลาโซว (Sarah Savić Kallesøe) นักวิจัยด้านสาธารณสุขที่มหาวิทยาลัย Simon Fraser ในแคนาดา ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงานการศึกษานี้ กล่าวว่า เมื่อพูดถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เรามักจะนึกถึงเหตุการณ์ที่รุนแรงและมองเห็นได้ชัดเจน เช่น เหตุการณ์น้ำท่วม ภาวะหยุดชะงักต่าง ๆ ในเมือง และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความเสี่ยงที่จริงแท้แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ก็ยังมีผลกระทบที่ซ่อนเร้นอยู่บ้างซึ่งไม่สามารถมองเห็นหรือศึกษาได้ง่าย และหนึ่งในนั้นคือความรุนแรงด้านเพศสภาพนั่นเอง

นักวิจัยค้นหาข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับการศึกษาในเรื่องการข่มขืน การล่วงละเมิดทางเพศ การแต่งงานในเด็ก และความรุนแรงด้านเพศสภาพในรูปแบบอื่น ๆ หลังจากเกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ซึ่งการค้นหาในเบื้องต้นโดยการใช้คีย์เวิร์ดแบบกว้าง ๆ เช่น "ความรุนแรง" "ผู้หญิง" และ "สภาพอากาศ" ให้ผลลัพธ์มากกว่า 20,000 รายการ

ซาวิช เคลลาโซว และเพื่อนร่วมงานของเธอ ได้คัดกรองผลลัพธ์เหล่านั้นเพื่อพิจารณาว่าความรุนแรงดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือไม่

ซาวิช เคลลาโซว กล่าวว่า มีการศึกษาเพียง 41 ฉบับที่ประเมินความเชื่อมโยงระหว่างความรุนแรงด้านเพศสภาพและสภาพอากาศสุดขั้ว แม้ว่าเอกสารจำนวนมากจะมีข้อบกพร่องและมีบางส่วนที่ยังขัดแย้งกันอยู่ แต่การศึกษาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการศึกษาที่มีคุณภาพดี ล้วนรายงานความรุนแรงทางเพศที่เพิ่มขึ้นหลังจากสภาพอากาศเลวร้าย

ยกตัวอย่างการศึกษาฉบับหนึ่งที่พบว่า บรรดาคุณแม่มือใหม่มีโอกาสที่จะโดนคนรักของตนทำร้ายมากกว่าแปดเท่าหลังจากเหตุการณ์พายุเฮอริเคนคาทรีนา หากพวกเขาได้รับความเสียหายมากกว่าก่อนที่จะเกิดพายุ ส่วนการศึกษาอีกห้าฉบับเชื่อมโยงความแห้งแล้งทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราในแอฟริกา กับการล่วงละเมิดทางเพศและทางร่างกายโดยคู่รักของตน การแต่งงานในเด็ก ความรุนแรงในเรื่องสินสมรส และการสังหารสตรีที่เพิ่มมากขึ้น

การสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตทำให้ได้พบว่า การต้องการความช่วยเหลือหลังจากเกิดภัยพิบัติอาจทำให้ผู้หญิงมีความเปราะบางมากขึ้น ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งจากเหตุการณ์พายุไซโคลนโรอานูในบังคลาเทศในปีค.ศ. 2016 กล่าวกับนักวิจัยว่า ที่หลบภัยไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง เพราะต้องอยู่ร่วมกับชายหนุ่มจากเจ็ดหรือแปดหมู่บ้าน และว่า เธอรู้สึกหวาดกลัวเธอจึงเลือกที่จะอยู่บ้านแทนที่จะพาลูกสาววัยรุ่นไปพักที่ศูนย์หลบภัย

ทั้งนี้ สภาพอากาศสุดขั้วอาจทำให้ผู้คนตกอยู่ภายใต้ความเครียดอย่างมหาศาล ทำให้เกิดการพลัดถิ่นฐาน ต้องอยู่ในค่ายบรรเทาทุกข์ที่แออัด ซึ่งเป็นการทำลายชีวิตความเป็นอยู่ และเปิดโอกาสให้ถูกคนแปลกหน้าทำร้าย ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ผนวกกับบทบาททางเพศที่มักขับเคลื่อนความรุนแรงด้านเพศ ทำให้บรรดาสุภาพสตรีมีความเปราะบางเป็นพิเศษ เช่นบางครอบครัวอาจให้ลูกสาวแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อให้มีคนที่ต้องหาเลี้ยงในบ้านน้อยลงหลังจากที่น้ำท่วม หรือการที่ผู้ชายนำความเครียดหลังจากเกิดพายุเฮอริเคนไปลงที่ภรรยาของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่แน่ชัดในเรื่องภัยธรรมชาติที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงทางเพศนั้นยังคงไม่ชัดเจน การศึกษาครั้งใหม่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการศึกษาวิจัยที่มากขึ้นและดีขึ้น และสำหรับองค์กรด้านมนุษยธรรมในการให้สตรีและเด็กผู้หญิงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้ว ได้เข้าใจถึงวิธีการที่ดีที่สุดในการปกป้องพวกเขาเมื่อเกิดภัยพิบัติ

ลินด์เซย์ สตาร์ค (Lindsay Stark) นักระบาดวิทยาทางสังคมที่ Brown School of the Washington University ในเมืองเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้ที่ทำงานในด้านมนุษยธรรมทราบดีอยู่แล้วเพราะเป็นสิ่งที่พบเห็นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีมากที่ได้เห็นการกลั่นกรองหลักฐานในเรื่องนี้

ลินด์เซย์ สตาร์ค กล่าวส่งท้ายว่า ความรุนแรงทางเพศนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาทางป้องกันในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์ดังกล่าวก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณด้วยวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังจะเกิดขึ้น

  • ที่มา: วีโอเอ
XS
SM
MD
LG