ลิ้งค์เชื่อมต่อ

วิถีชีวิตแบบ “Off Grid” ไม่พึ่งน้ำไฟส่วนกลาง


Homes-Off-Grid Living
Homes-Off-Grid Living

การใช้ชีวิตนอกระบบ หรือ “Off-grid” คือวิถีการใช้ชีวิตที่ไม่พึ่งพาระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางทั้งน้ำประปาและไฟฟ้า ถ้าในอดีตแนวคิดดังกล่าวจะหมายถึงการพยายามเอาตัวรอดเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่ห่างไกล รายการโทรทัศน์เคยนำเอาแนวคิดนี้ไปทำเป็นรายการเพื่อความบันเทิง

ในปัจจุบันมีคนจำนวนหนึ่งที่อยู่ห่างจากตัวเมืองราวหนึ่งชั่วโมง และเลือกการใช้ชีวิตแบบ “นอกระบบ”

แกรี่ คอลลินส์ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแบบ Off-grid เขาได้ถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านหนังสือและเปิดคลาสออนไลน์ในประเด็นดังกล่าว คอลลินส์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีว่า “การใช้ชีวิตนอกระบบ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ไปซื้อของตามร้านค้า หรือไม่เอาขยะออกมาทิ้ง เพียงแต่การใช้ชีวิตนอกระบบคือการที่ไม่เชื่อมต่อกับระบบสาธารณูปโภคของส่วนกลางเท่านั้น”

ระบบสาธารณูปโภคในที่นี้หมายถึง เครือข่ายทั้งไฟฟ้า พลังงาน และน้ำประปา ที่เชื่อมต่อเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้คนในวงกว้าง ปัจจุบันมีประชากรที่ใช้ชีวิตแบบไม่พึ่งพาระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางเป็นจำนวนน้อยมาก ซึ่งคอลลินส์คาดว่ามีประชากรเพียง 1% ที่ใช้ชีวิตแบบนอกระบบ

ผลจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 คนเมืองจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะเปลี่ยนการใช้ชีวิตและย้ายออกไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยการโยกย้ายก็ทำได้ง่ายดายมากขึ้น เนื่องจากการเข้าถึงพลังงานหมุนเวียน รวมไปถึงการจัดเก็บพลังงานเหล่านี้ทำได้อย่างสะดวกมากขึ้น

Homes-Off-Grid Living
Homes-Off-Grid Living

เชอร์รี คูนส์ ผู้เขียนหนังสือการใช้ชีวิตแบบไม่พึ่งสาธารณูปโภคส่วนกลางที่ชื่อว่า “Prefabulous and Almost Off the Grid” เธออธิบายว่า “ปัจจุบันผู้คนมีความสนใจที่จะใช้ชีวิตนอกระบบมากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำหรับค่าพลังงานมีราคาสูง และระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางก็มีปัญหามากมาย” คูนส์เสริมอีกว่าบางคนที่ยังเชื่อมต่อกับระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางอยู่ เมื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และผลิตไฟฟ้าได้เกินความต้องการ ก็สามารถจัดส่งพลังงานดังกล่าวไปขายให้กับบริษัทผลิตไฟฟ้าอีกทอดหนึ่งได้

ทุกวันนี้การใช้ชีวิตนอกระบบมีหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นอย่างเช่น “dry camping” หรือการใช้ชีวิตในรถบ้านเคลื่อนที่ หรือ RV ที่มีห้องสำหรับนอนพัก และไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบน้ำไฟ บางคนเลือกที่จะใช้ชีวิตนอกระบบในเมืองที่บ้านมีราคาสูง เช่น เมืองซานต้า บาบารา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่บางส่วนเลือกที่จะอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากชุมชน

จอห์น แบง ที่ทำงานอยู่บริษัทสถาปนิก Anacapa Architecture ซึ่งรับสร้างบ้านสำหรับการใช้ชีวิตนอกระบบ ในพื้นที่เมืองซานต้า บาบารา รวมไปถึงเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เขากล่าวว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผู้คนให้ความสนใจการใช้ชีวิตนอกระบบมากขึ้น และมีความต้องการที่จะปรับตัวเข้ากับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

บ้านที่ถูกสร้างโดยบริษัท Anacapa มีต้นทุนที่สูง เนื่องจากทางบริษัทเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งการดึงพลังงานจากแสงอาทิตย์ การจัดเก็บพลังงานในรูปแบบแบตเตอรี รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้น้ำในชีวิตประจำวันของมนุษย์ วัสดุในการสร้างที่อยู่อาศัยมักขนส่งมาจากพื้นที่ห่างไกล โดยบ้านบางส่วน มักที่จะปลูกตามไหล่เขา และกันพื้นที่ส่วนยอดเขาไว้สำหรับการเพาะปลูก

Homes-Off-Grid Living
Homes-Off-Grid Living

แบงอธิบายไว้ว่า สำหรับผู้ที่มีอันจะกิน การใช้ชีวิตนอกระบบหมายถึง “ชีวิตที่เงียบ เรียบง่ายตามธรรมชาติ ไม่ต้องวุ่นวายกับเพื่อนบ้าน”

อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่ไม่มีงบประมาณมากมาย การเลือกใช้ชีวิตแบบนอกระบบอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด

คอลลินส์เตือนไว้ว่า “ถ้าทุกอย่างที่คุณเรียนรู้ มาจากแค่ Youtube คุณจะเอาตัวไม่รอด” เขาเล่าว่าตอนเด็ก เขามีชีวิตที่โตมาอย่างยากจนในชนบทของประเทศสหรัฐฯ ประสบการณ์ดังกล่าวช่วยให้ทุกวันนี้เขาประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตนอกระบบ เนื่องจากเขารู้จัก วิธีล่าสัตว์ เพาะปลูกอาหาร และหาแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค

คนที่จะอยู่ห่างไกลจากชุมชน ต้องพร้อมที่จะลงมือทำงานหนัก คอลลินส์บอกว่า “ไม้จะไม่หักเอง ถ้าคุณไม่ลงมือตัด และน้ำก็จะไม่มีให้ใช้ ถ้าคุณไม่ไปขนมา” เขายังได้เตือนว่า “มีคนเสียชีวิตให้เห็นอยู่ตลอดเวลา จากการเลือกใช้ชีวิตนอกระบบ” เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเข้าถึงการแพทย์แบบฉุกเฉิน เช่น เกิดอุบัติเหตุจากการตัดไม้

ส่วนผู้เชี่ยวชาญมองว่า เทคโนโลยีที่เรามีอยู่ในทุกวันนี้ ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเลือกใช้ชีวิตแบบนอกระบบได้ง่ายขึ้น เทคโนโลยีต่าง ๆ ช่วยทั้งเรื่องของน้ำและไฟได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับในอดีต ช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา

Greece Off-Grid Island
Greece Off-Grid Island
  • ที่มา: เอพี
XS
SM
MD
LG