ผู้บริหารของสหภาพยุโรป (อียู) เสนอให้มีการออกมาตรการลงโทษต่อรัสเซียชุดใหม่ที่จะมีผลเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมถ่านหิน หลังมีรายงานเกี่ยวกับการสังหารพลเรือนอย่างโหดเหี้ยมในหลายพื้นที่ของยูเครน ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ข้อเสนอการยกระดับมาตรการลงโทษชุดล่าสุดของอียูที่มีการพูดถึงกันในวันอังคารตามเวลาในยุโรป ยังต้องผ่านการลงมติโดยประเทศสมาชิกทั้งหมดเสียก่อน ถึงจะมีผลในการสั่งห้ามการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียซึ่งมีมูลค่าราว 9,000 ล้านยูโร และการส่งออกต่างๆ อันรวมถึง เซมิคอนดักเตอร์และคอมพิวเตอร์ไปยังรัสเซียที่มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านยูโร รวมทั้ง การห้ามไม่ให้เรือขนส่งจากรัสเซียเข้าเทียบท่าในอียูด้วย
ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่า ในเวลานี้ ทางอียูกำลังเตรียมการสั่งห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอยู่เช่นกัน
การประกาศแผนงานเพิ่มการบังคับใช้มาตรการลงโทษรัสเซียของอียูนี้มีออกมา หลังนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ วิตาลี คลิตช์โค เรียกร้องให้สหภาพยุโรปตัดสัมพันธ์ทางธุรกิจกับรัสเซีย เพื่อสกัดการไหลผ่านของ “เงินเปื้อนเลือด” เสีย
นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียหันหน้าไปโจมตีพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออกของยูเครน ภาพอันสยดสยองจากเมืองบูชา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรุงเคียฟ ที่แสดงให้เห็นภาพหลุมฝังศพหมู่และศพของคนที่ถูกยิงในระยะเผาขน ก็ค่อยๆ ถูกเผยแพร่ออกมา จนทำให้มีเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้มีการจัดการกับกรุงมอสโกและเปิดการสอบสวนระดับนานาชาติเกี่ยวกับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
จนถึงบัดนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ได้ประกาศขับนักการทูตรัสเซียออกจากประเทศของตนไปแล้ว และมอสโก เผยว่า จะตอบโต้กลับในแบบเดียวกันด้วย
อย่างไรก็ตาม ยุโรปค่อนข้างจะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการลงโทษที่พุ่งเป้าไปยังอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย เนื่องจาก มีการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียถึง 1 ใน 3 ของปริมาณที่ใช้ในภูมิภาคนี้ แต่ยูเครนระบุว่า การระงับการนำเข้าพลังงานทั้งหมดจะเป็นเงื่อนไขหลักที่จะนำมาซึ่งข้อตกลงสันติภาพได้
ในส่วนของการห้ามนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียนั้น เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ประเมินว่า มูลค่าทางการค้าจะอยู่ที่ราว 4,000 ล้านยูโร ซึ่งถือว่า น้อยนิดมากเมื่อเทียบกับมูลค่าการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเมื่อปีที่แล้วที่ 100,000 ล้านยูโร
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ยอมรับว่า ยูเครน ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินหน้าการเจรจาเพื่อยุติสงครามซี่งดำเนินมาเป็นเวลา 6 สัปดาห์แล้ว และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ทั้งยังทำให้ผู้คนนับล้านต้องอพยพหนีภัย ขณะที่ พื้นที่เมืองหลายแห่งของยูเครนถูกทำลายลงจนเหลือแต่ซาก
ปธน.เซเลนสกี ระบุระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า ทุกคนในยูเครน รวมทั้งตัวของเขา รับรู้ดีว่า ความน่าจะเป็นของการเดินหน้าเจรจาสันติภาพนั้น เป็นความท้าทายอย่างมาก และจนบัดนี้ ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้แน่ชัดว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน จะยอมนั่งลงเพื่อร่วมเจรจากันหรือไม่
อย่างไรก็ดี สื่อ อินเตอร์แฟ๊กซ์ ของรัสเซีย รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพนั้นยังคงเดินหน้าอยู่ผ่านระบบวิดีโอคอลล์
- ที่มา: รอยเตอร์