ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เธเรซ่า เมย์ ในวันอังคาร ที่อาคารเลขที่ 10 ถนนดาวน์นิ่ง กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลอังกฤษ
ภายหลังการหารือ ผู้นำของสองประเทศจัดประชุมแถลงข่าวร่วมกัน โดย ปธน.ทรัมป์ กล่าวชมเชยการทำงานของนายกฯ เมย์ ก่อนที่เธอจะลงจากตำแหน่งในอีกไม่กี่วันนี้
ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯ มีภารกิจในการทำ "ข้อตกลงการค้าแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" กับอังกฤษ ในขณะที่อังกฤษกำลังเตรียมแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นข้อจำกัดเรื่องการแชร์ข้อมูลข่าวกรองระหว่างสหรัฐฯ กับอังกฤษ แม้ทั้งสองประเทศจะมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องการใช้เทคโนโลยีของบริษัทจีน หัวเหว่ย
ขณะเดียวกัน ผู้ประท้วงหลายพันคนเดินขบวนในกรุงลอนดอนเพื่อต่อต้านการเยือนของประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้ แต่เมื่อถูกถามถึงการประท้วงดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ ตอบว่าตนเห็นเพียงแค่ผู้ประท้วงกลุ่มเล็กๆ เพียงกลุ่มเดียว และว่ารายงานข่าวเกี่ยวกับการประท้วงของชาวอังกฤษจำนวนมากมายนั้น เป็น "ข่าวปลอม"
ทางด้านนายกฯ เธเรซ่า เมย์ ได้กล่าวยกย่องความสัมพันธ์ของสองประเทศ แต่ก็ระบุถึงความเห็นที่แตกต่างในเรื่องสภาพภูมิอากาศโลกและอิหร่าน ซึ่งอังกฤษสนับสนุนทั้งสนธิสัญญากรุงปารีสว่าด้วยสภาพภูมิอากาศโลก และข้อตกลงผ่อนคลลายด้านนิวเคลียร์ที่อิหร่านทำไว้กับประเทศมหาอำนาจ 6 ประเทศ แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงทั้งสองฉบับดังกล่าว
นายกฯ เมย์ มีกำหนดจะลงจากตำแหน่งในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ หลังจากที่ไม่สามารถจัดทำข้อตกลงที่ระบุเงื่อนไขของการแยกอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้นายกฯ คนต่อไปขึ้นมาทำหน้าที่นี้แทนท่ามกลางความแตกแยกในรัฐสภาอังกฤษ
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ ได้แสดงการสนับสนุนอย่างเปิดเผยให้นายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่ พร้อมระบุว่าอังกฤษจะแยกตัวจากอียูอย่างแน่นอน
ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีผู้นำพรรคแรงงาน เจเรมี คอร์บิน และนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ซาดี๊ค ข่าน ซึ่งต่างเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์ โดยก่อนหน้านี้ ข่านได้เขียนบทความแสดงความเห็นว่า ปธน.ทรัมป์ คือ "ภัยคุกคามของโลก" และการต้อนรับผู้นำสหรัฐฯ ในฐานะแขกของรัฐครั้งนี้ ไม่ใช่ลักษณะที่ชาวอังกฤษควรจะเป็น
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การที่ ปธน.ทรัมป์ แสดงท่าทีสนับสนุน บอริส จอห์นสัน และไนเจล ฟาราจ ผู้ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ถือเป็นการกระทำผิดธรรมเนียมทางการทูตระหว่างประเทศ หรืออาจเข้าข่ายแทรกแซงการเมืองภายในของประเทศอื่นได้ โดยเฉพาะในช่วงที่อังกฤษกำลังเกิดความวุ่นวายในประเด็นเรื่อง Brexit เช่นนี้
และในช่วงค่ำวันอังคาร ปธน.ทรัมป์ และนางเมเลเนีย ทรัมป์ จะร่วมรับประทานอาหารค่ำกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และพระชายาคามิลลา ดัชเชสส์แห่งคอร์นเวลล์
เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ และนางเมเลเนีย ทรัมป์ เดินทางเยือนอังกฤษเป็นวันแรก และได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากพระราชินีเอลิซาเบ็ธ ซึ่งรวมถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบรัฐพิธีที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม
ต่อจากอังกฤษ ทรัมป์จะเดินทางต่อไปจากฝรั่งเศส และไอร์แลนด์ เพื่อร่วมพิธีรำลึกถึงโอกาสครบรอบ 75 ปีวันดี-เดย์ หรือวันที่ทหารพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดีในฝรั่งเศส เพื่อบุกโจมตีทหารนาซีเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง