แม้จะเข้าใกล้ฤดูหนาวเหน็บและเสียงเรียกร้องให้สงครามสิ้นสุดลง ทั้งฝ่ายยูเครนและรัสเซียยังคงไม่มีใครลดราวาศอกเพื่อชิงความได้เปรียบมากที่สุดในสมรภูมิ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยว่าใช้ยูเครนเป็นพื้นที่ทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงและติดหัวรบนิวเคลียร์ที่ชื่อ ‘โอเรชนิค’
อำนาจทำลายล้างของอาวุธใหม่นี้ ถูกเน้นย้ำโดยคำพูดของ พล.อ.เซอร์เก คาราคาเยฟ หัวหน้ากองกำลังขีปนาวุธยุทธศาสตร์
คาราคาเยฟกล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับการกำหนดพิสัย อาวุธนี้สามารถไปถึงเป้าหมายทั่วทวีปยุโรป”
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า การเปิดตัวอาวุธพิสัยกลางชนิดนี้เป็นการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่กรุงวอชิงตันมอบให้ โจมตีลึกเข้าไปในแผ่นดินรัสเซีย และต้องการแสดงให้เห็นว่า รัสเซียสามารถโจมตีดินแดนพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO ได้หากต้องการ
ผู้สังเกตการณ์หลายคนมองว่าการโจมตีกันด้วยขีปนาวุธ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของทั้งรัสเซียและยูเครน ที่ต้องการแสดงพละกำลังเพื่อชิงความได้เปรียบให้มากที่สุดก่อนถึงเวลาเข้าสู่โต๊ะเจรจา
รัฐบาลกรุงมอสโกกล่าวหาประธานาธิบดีไบเดนที่กำลังจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ว่ากำลังบ่อนทำลายความพยายามของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่หาเสียงว่าจะทำให้สงครามสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า เมื่อปี 2016 แผนการหารือของทรัมป์กับรัสเซียก็ถูกแทรกแซงอย่างมาก และสภาพการณ์เดียวกันอาจเป็นสิ่งที่รัสเซียกำลังเห็นอยู่ ณ ขณะนี้
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญในกรุงวอชิงตันมองว่ารัสเซียไม่ได้สนใจที่จะยุติสงคราม ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ก็ตาม
วลาดิสลาฟ อิโนเซมท์เซฟ จากศูนย์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและยุทธศาสตร์ศึกษา (Center for Strategic and International Studies) กล่าวกับวีโอเอว่า “สงครามนี้ได้มาถึงจุดที่เป็นความปกติใหม่ (new normal) ของชนชั้นนำรัสเซียที่อยากให้มันดำเนินต่อไป เพราะมันสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และถ้ามันหยุดจะเกิดอะไรขึ้น คนที่มีอำนาจหน้าที่จะไปไหนทางไหนกัน”
ท่ามกลางความร้อนแรงของสงคราม ผลสำรวจความเห็นชุดใหม่ของศูนย์วิเคราะห์ยูริ เลวาดา ในกรุงมอสโกพบว่าชาวรัสเซียมีแนวโน้มเห็นด้วยกับการเจรจายุติสงครามกับยูเครน
ที่ฝั่งยูเครน ผลสำรวจจากแกลลอปโพลพบว่าประชาชนที่ตอบแบบสำรวจราว 52% อยากเห็นยูเครนเจรจากับคู่สงครามเพื่อยุติการสู้รบเช่นเดียวกัน
หากผลสำรวจยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์เห็นช่องทางผลักดันแผนการเจรจาในอนาคต ท่ามกลางสงครามที่กำลังยกระดับ
- ที่มา: วีโอเอ