ยูเครนเผยรัสเซียยิงขีปนาวุธวิถีโค้งโจมตีเมืองดนิโปร ทางตะวันออกของยูเครนในช่วงข้ามคืน
ในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีบนแพลตฟอร์มเทเลแกรม กองทัพอากาศยูเครนไม่ได้ระบุรูปแบบของขีปนาวุธที่รัสเซียใช้ แต่กล่าวเพียงว่าถูกปล่อยออกมาจากแคว้นอัสตราคาห์น ซึ่งติดกับทะเลแคสเปียน โดยขีปนาวุธนี้มาพร้อมกับขีปนาวุธอื่น ๆ อีก 8 ลูกมุ่งโจมตีที่เมืองดนิโปร และกองทัพยูเครนได้ยิงตกไป 6 ลูก
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียกล่าวในเวลาต่อมาว่า สิ่งที่กองทัพเครมลินได้ยิงออกไปยังเป้าหมายในดนิโปรในวันพฤหัสบดี เป็นขีปนาวุธพิสัยกลางวีถีโค้งรุ่นใหม่ เพื่อตอบโต้การที่ ในสัปดาห์นี้ยูเครนใช้ขีปนาวุธจากสหรัฐฯและอังกฤษ ที่สามารถยิงเข้ามาได้ลึกขึ้นในรัสเซีย
เขากล่าวว่าระบบป้องกันทางอากาศของสหรัฐฯ จะไม่สามารถหยุดยั้งอาวุธรุ่นใหม่นี้ได้ เพราะมีความเร็วเหนือเสียง 10 เท่า
ปูตินเรียกขีปนาวุธนี้ว่า 'โอเรชนิค' ที่แปลว่าต้นเฮเซลนัทในภาษารัสเซีย
ผู้นำรัสเซียเตือนด้วยว่า กองทัพเครมลินอาจใช้อาวุธนี้ต่อพันธมิตรยูเครนรายใดก็ตามที่ส่งขีปนาวุธให้ยูเครนทำการโจมตีรัสเซีย
"เราเชื่อว่าเรามีสิทธิ์ที่จะใช้อาวุธของเราต่อที่ตั้งทางทหารของประเทศที่อนุญาตให้มีการใช้อาวุธกับที่ตั้งทางทหารของเรา" ปูตินกล่าวผ่านเเถลงการณ์ออกโทรทัศน์
ครั้งนี้เป็นครั้งเเรกที่ผู้นำรัสเซียแสดงความเห็นหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนอนุญาตในเดือนนี้ให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ ยิงใส่เป้าหมายอย่างจำกัดในรัสเซียได้
รองโฆษกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซาบรินา ซิงห์ ยืนยันว่าขีปนาวุธของรัสเซียเป็นอาวุธชนิดใหม่ในขั้นทดลองที่มีพิสัยกลาง ที่ใช้พื้นฐานการพัฒนาขึ้นมาจากขีปนาวุธวิถีโค้งข้ามทวีปของรัสเซียรุ่น อาร์เอส-26 รูเบซห์
ทางการท้องถิ่นของยูเครนเผยด้วยว่า มีรายงานผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 2 คนจากเหตุโจมตีดังกล่าว มีความเสียหายที่เขตอุตสาหกรรม และศูนย์ดูแลผู้พิการในพื้นที่
แม้ว่าการใช้ขีปนาวุธวิถีโค้งของรัสเซียครั้งนี้ ดูเหมือนจะเกินความจำเป็นในสงครามกับยูเครน อาวุธดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ และใช้เพื่อเป็นเครื่องเตือนถึงศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณที่ทรงพลังของการยกระดับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจาก ปูตินลดระดับข้อจำกัดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งจะทำให้รัสเซียสามารถใช้นิวเคลียร์ในการตอบโต้ได้ง่ายขึ้น ตอบโต้กรณีเมื่อวันอังคาร ที่ยูเครนยิงขีปนาวุธเชิงยุทธวิธีกองทัพบก ATACMS (Army Tactical Missile System) ที่ผลิตในสหรัฐฯ 6 ลูก เข้าใส่แคว้นบรีแยนสก์ของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพกรุงเคียฟใช้ขีปนาวุธโจมตีระยะไกลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น และในวันพุธ ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Storm Shadows ของอังกฤษเข้าไปในรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ระบบป้องกันทางอากาศได้ยิงขีปนาวุธ Storm Shadows ตกไป 2 ลูก จรวด HIMARS 6 ลูก และโดรนอีก 67 ลำ แต่ไม่ได้ระบุว่าอาวุธดังกล่าวมุ่งหน้าโจมตีที่ไหนและเมื่อใด
พัฒนาการในสมรภูมิรัสเซีย-ยูเครน มีขึ้นในช่วงที่สงครามเปลี่ยนแปลงพลวัติไปมากขึ้น หลังการเข้ามาของกองทัพเกาหลีเหนือที่เข้ามาช่วยรัสเซียในสงคราม ทำให้สหรัฐฯ ปรับนโยบายด้วยการอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลที่ผลิตในสหรัฐฯ เข้าโจมตีในรัสเซียได้ ขณะที่รัฐบาลมอสโกตอบโต้ด้วยการข่มขู่ยกระดับสงครามมาโดยตลอด
โดยก่อนหน้านี้ ปูตินได้เตือนสหรัฐฯ และพันธมิตรนาโต้ว่าหากยอมให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีดินแดนรัสเซีย นั่นหมายถึงนาโต้กำลังเผชิญหน้าในสงครามกับรัสเซียโดยตรง
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น