Your browser doesn’t support HTML5
องค์การอนามัยโลกรายงานว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าสนธิสัญญาควบคุมบุหรี่ประสบความสำเร็จในการลดการสูบบุหรี่ลง
ตั้งแต่สนธิสัญญาดังกล่าวถูกนำไปบังคับใช้ องค์การอนามัยโลกชี้ว่ามีจำนวนประเทศที่พิมพ์ภาพกราฟฟิกและคำเตือนผลของบุหรี่ต่อสุขภาพบนซองบุหรี่เพิ่มจาก 5 เป็น 50 ประเทศ
ทางองค์การอนามัยโลกยังพบด้วยว่ามากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของ 180 ประเทศที่ลงนามบังคับใช้สนธิสัญญานี้ได้ออกกฏหมายใหม่มาควบคุมบุหรี่หรือไม่ก็ปรับกฏหมายควบคุมบุหรี่เดิมที่มีอยู่แล้วให้เข้มงวดมากขึ้น
Dr. Tibor Szilagyi เจ้าหน้าที่เพื่อการบังคับใช้สนธิสัญญานี้กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าประเทศต่างๆ ที่นำมาตรการต่างๆตามข้อกำหนดของสนธิสัญญาไปบังคับใช้เริ่มเห็นผลดีที่ตามมาแล้ว คุณ Szilagyi กล่าวว่าประเทศเหล่านี้เริ่มเห็นการลดลงของการสูบบุหรี่อย่างน้อย 15-30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของจำนวนคนที่เสียชีวิตจากโรคที่มากับบุหรี่หลายล้านรายลง
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีคนเสียชีวิตก่อนวัยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ประมาณปีละ 6 ล้านคน ส่วนมากเป็นคนในประเทศรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง องค์การอนามัยโลกเตือนว่าหากไม่มีการควบคุม บุหรี่จะเป็นสาเหตุให้คนเสียชีวิตถึงปีละ 8 ล้านคนภายในปีคริสตศักราช 2030
องค์การอนามัยโลกกล่าวหาอุตสาหกรรมยาสูบ ว่าใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจเป็นตัวหลอกล่อไม่ให้รัฐบาลในหลายประเทศบังคับใช้นโยบายควบคุมบุหรี่ และชี้ว่าบริษัทบุหรี่ต่างใช้โฆษณาหลากหลาย ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อหลอกล่อให้ผู้หญิงและคนหนุ่มสาวเริ่มสูบบุหรี่
Dr. Szilagyi กล่าวว่าหลายประเทศในแอฟริกาตกเป็นเหยื่อของอุตสาหกรรมยาสูบที่ใช้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหลอกล่อ แต่เขากล่าวว่ายังมีหลายประเทศแอฟริกาที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของบริษัทยาสูบ ซึ่งรวมทั้งประเทศเคนยา ประเทศมอริเทียสและประเทศแอฟริกาใต้ ที่ไม่ยอมอ่อนข้อแก่อุตสาหกรรมยาสูบ และมีความคืบหน้าอย่างมากในการบังคับใช้สนธิสัญญาควบคุมบุหรี่ขององค์การอนามัยโลก
อย่างไรก็ดี Dr. Szilagyi กล่าวว่าความท้าทายอีกอย่างหนึ่งของงานควบคุมบุหรี่มาจากผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดใหม่ๆ ที่ผลิตออกสู่ตลาด รวมถึงบุหรี่อิเลคทรอนิคส์ทั้งที่มีสารนิโคตินและแบบไร้สารนิโคติน และคนหนุ่มสาวในหลายประเทศทั่วโลกหันไปนิยมสูบ water pipe เป็นการตามแฟชั่นเพราะคิดว่าเป็นของแปลกและทันสมัย
ปัจจุบันมีการเพิ่มมาตรการต่างๆ เข้าไปในสนธิสัญญาควบคุมบุหรี่ขององค์การอนามัยโลกอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งแก่สนธิสัญญานี้