การศึกษาวิจัยผลของการใช้บุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes ในหมู่วัยรุ่นที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา ระบุว่า ดูเหมือนจะทำให้ผู้สูบบุหรี่วัยนี้ กลับสูบบุหรี่หนักขึ้น แทนที่จะเลิกได้อย่างที่ผู้ผลิตโฆษณาไว้
บุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes เป็นอุปกรณ์ใช้แบตเตอรี่ที่มีรูปร่างเหมือนบุหรี่ ไม่มีควัน แต่พ่นสารนิโคทีนและสารเคมีอื่นๆที่ปรุงรสชาดไว้ออกมาให้ผู้สูบ ผู้ผลิตโฆษณาว่า เป็นบุหรี่ทางเลือก และเป็นเครื่องช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้
แต่การศึกษาวิเคราะห์วัยรุ่นชาวเกาหลีเกือบ 76,000 คน บ่งชี้ว่า โอกาสที่ผู้เยาว์เหล่านี้จะเลิกสูบบุหรี่จากการสูบบุหรี่อิเลคทรอนิคหรือ e-cigarettes นี้มีน้อยมาก และยังจะทำให้กลายเป็นนักสูบบุหรี่ตัวยงเสียมากกว่าด้วย
นักวิจัย Stan Glantz แห่งศูนย์วิจัยและศึกษาการควบคุมยาสูบที่มหาวิทยาลัย California วิทยาเขต San Francisco และเป็นหัวหน้าคณะนักวิจัยชุดนี้ บอกว่า ในขณะที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า บุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes ช่วยให้ผู้ใหญ่ส่วนน้อยจำนวนหนึ่งเลิกสูบบุหรี่ได้ แต่ในหมู่วัยรุ่นแล้ว กลับได้ผลตรงกันข้าม นอกจากนี้ การโฆษณาและการตลาดก็มุ่งเป้าไปที่วัยรุ่นเป็นหลักด้วย
นักวิจัยผู้นี้บอกว่า โฆษณาของ e-cigarettes เชิดชูเรื่องรสชาด ภาพลักษณ์ทางเพศและความรู้สึกอิสระเสรี รวมทั้งคำกล่าวอ้างว่าจะช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้ ซึ่งเป็นโฆษณาที่ได้ผลกับวัยรุ่นที่อยากจะเลิกสูบบุหรี่ แต่ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า โอกาสที่วัยรุ่นเหล่านี้จะเลิกสูบบุหรี่นั้น มีน้อยมาก
สาเหตุสำคัญอันหนึ่ง ตามความเห็นของนักวิจัยผู้นี้คือสารนิโคทีน ที่ทำให้เกิดการเสพติด นอกจากนี้ บริษัทยาสูบ ผู้ผลิต e-cigarettes ยังฉวยโอกาสที่ยังไม่มีกฎข้อบังคับสำหรับ e-cigarettes ใช้วิถีทางต่างๆในการโน้มน้าวให้ผู้คน โดยเฉพาะวัยรุ่นหันมาใช้บุหรี่ชนิดนี้
นักวิจัย Stan Glantz แห่งศูนย์วิจัยและศึกษาการควบคุมยาสูบที่มหาวิทยาลัย California วิทยาเขต San Francisco บอกว่า จำนวนวัยรุ่นในเกาหลีที่หันมาใช้ e-cigarettes เพิ่มขึ้นรวดเร็วเท่าๆกับจำนวนวัยรุ่นที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ ซึ่งตามสถิติในช่วงปี 2011 – 2012 ระบุไว้ว่าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมกลางและมัธยมปลายราวๆ 1 ล้าน 7 แสนคน
เทศบาลนครชิคาโกกำลังเสนอร่างกฎเทศบาลที่จะห้ามการขายบุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes ซึ่งถ้าสำเร็จก็จะเป็นเมืองแรกในอเมริกาที่ทำเช่นนั้น
งานวิจัยเรื่องการใช้บุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes ในหมู่วัยรุ่นชาวเกาหลี ชิ้นนี้ตีพิมพ์ไว้ใน Journal of Adolescent Health
บุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes เป็นอุปกรณ์ใช้แบตเตอรี่ที่มีรูปร่างเหมือนบุหรี่ ไม่มีควัน แต่พ่นสารนิโคทีนและสารเคมีอื่นๆที่ปรุงรสชาดไว้ออกมาให้ผู้สูบ ผู้ผลิตโฆษณาว่า เป็นบุหรี่ทางเลือก และเป็นเครื่องช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้
แต่การศึกษาวิเคราะห์วัยรุ่นชาวเกาหลีเกือบ 76,000 คน บ่งชี้ว่า โอกาสที่ผู้เยาว์เหล่านี้จะเลิกสูบบุหรี่จากการสูบบุหรี่อิเลคทรอนิคหรือ e-cigarettes นี้มีน้อยมาก และยังจะทำให้กลายเป็นนักสูบบุหรี่ตัวยงเสียมากกว่าด้วย
นักวิจัย Stan Glantz แห่งศูนย์วิจัยและศึกษาการควบคุมยาสูบที่มหาวิทยาลัย California วิทยาเขต San Francisco และเป็นหัวหน้าคณะนักวิจัยชุดนี้ บอกว่า ในขณะที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า บุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes ช่วยให้ผู้ใหญ่ส่วนน้อยจำนวนหนึ่งเลิกสูบบุหรี่ได้ แต่ในหมู่วัยรุ่นแล้ว กลับได้ผลตรงกันข้าม นอกจากนี้ การโฆษณาและการตลาดก็มุ่งเป้าไปที่วัยรุ่นเป็นหลักด้วย
นักวิจัยผู้นี้บอกว่า โฆษณาของ e-cigarettes เชิดชูเรื่องรสชาด ภาพลักษณ์ทางเพศและความรู้สึกอิสระเสรี รวมทั้งคำกล่าวอ้างว่าจะช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้ ซึ่งเป็นโฆษณาที่ได้ผลกับวัยรุ่นที่อยากจะเลิกสูบบุหรี่ แต่ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า โอกาสที่วัยรุ่นเหล่านี้จะเลิกสูบบุหรี่นั้น มีน้อยมาก
สาเหตุสำคัญอันหนึ่ง ตามความเห็นของนักวิจัยผู้นี้คือสารนิโคทีน ที่ทำให้เกิดการเสพติด นอกจากนี้ บริษัทยาสูบ ผู้ผลิต e-cigarettes ยังฉวยโอกาสที่ยังไม่มีกฎข้อบังคับสำหรับ e-cigarettes ใช้วิถีทางต่างๆในการโน้มน้าวให้ผู้คน โดยเฉพาะวัยรุ่นหันมาใช้บุหรี่ชนิดนี้
นักวิจัย Stan Glantz แห่งศูนย์วิจัยและศึกษาการควบคุมยาสูบที่มหาวิทยาลัย California วิทยาเขต San Francisco บอกว่า จำนวนวัยรุ่นในเกาหลีที่หันมาใช้ e-cigarettes เพิ่มขึ้นรวดเร็วเท่าๆกับจำนวนวัยรุ่นที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ ซึ่งตามสถิติในช่วงปี 2011 – 2012 ระบุไว้ว่าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมกลางและมัธยมปลายราวๆ 1 ล้าน 7 แสนคน
เทศบาลนครชิคาโกกำลังเสนอร่างกฎเทศบาลที่จะห้ามการขายบุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes ซึ่งถ้าสำเร็จก็จะเป็นเมืองแรกในอเมริกาที่ทำเช่นนั้น
งานวิจัยเรื่องการใช้บุหรี่อิเลคทรอนิค หรือ e-cigarettes ในหมู่วัยรุ่นชาวเกาหลี ชิ้นนี้ตีพิมพ์ไว้ใน Journal of Adolescent Health