อนามัยโลกเตรียมส่งทีมวิจัยไปอู่ฮั่น หาสาเหตุโควิด-19 ระบาด 

People visit a street market almost a year after the global outbreak of the coronavirus disease (COVID-19) in Wuhan, Hubei province, China December 7, 2020. Picture taken December 7, 2020. REUTERS/Aly Song

สำนักข่าวเดอะการ์เดี้ยนรายงานว่า ทีมภารกิจวิจัยขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO จะเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่นในเดือนหน้าเพื่อตรวจสอบว่า เหตุใตเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่จึงสามารถแพร่จากสัตว์ไปสู่คนได้ และเชื้อเริ่มแพร่จากเมืองอู่ฮั่นจริงหรือไม่

ฟาเบียน ลีนเดิร์ซ นักชีววิทยาประจำสถาบันโรเบิร์ต คอช สถาบันด้านสาธารณสุขของเยอรมนี และหนึ่งในสิบบุคลาการของทีมภารกิจดังกล่าว ระบุกับสำนักข่าว Associated Press ว่า ทางกลุ่มจะทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ของจีนเป็นเวลาสี่ถึงห้าสัปดาห์ โดยทีมของจีนจะมีบทบาทนำในการวิจัยครั้งนี้

Your browser doesn’t support HTML5

อนามัยโลกเตรียมส่งทีมวิจัยไป 'อู่ฮั่น' หาสาเหตุโควิด-19 ระบาด




นักวิทยาศาสตร์ส่วนมากเชื่อว่า เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ Sars-Cov-2 นี้เริ่มแพร่ระบาดในจีนจากสัตว์ โดยเฉพาะค้างคาว ก่อนจะเริ่มระบาดไปยังมนุษย์ โดยพบผู้ติดเชื้อคนแรกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และพบว่าการติดเชื้อมีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดค้าสัตว์ทะเลในเมือง

จนถึงขณะนี้ มีผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสนี้แล้วกว่า 73.4 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1.63 ล้านคน

ทีมภารกิจของ WHO จะตรวจสอบตัวอย่างทางการแพทย์และผลการเอกซ์เรย์ในช่วงก่อนที่จะมีการบันทึกว่ามีการระบาดของไวรัส เพื่อตรวจสอบว่ามีการระบาดเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไม่ รวมทั้งเก็บตัวอย่างจากค้างคาวและสัตว์อื่น ๆ เพื่อหาว่าเชื้อไวรัสเริ่มระบาดครั้งแรกจากสัตว์ชนิดใด

ทั้งนี้ อุปสรรคอย่างนึงในการวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้ที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สามารถแสดงอาการได้หลากหลาย ซึ่งอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือโรคอื่น ๆ หรืออาจไม่แสดงอาการเลยก็ได้ ทำให้การสืบหาการระบาดของเชื้อยากกว่าการติดเชื้อไวรัสอีโบลา ที่การแสดงอาการของโรคชัดเจนกว่ามาก

ประเด็นที่ว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่เริ่มระบาดจากแหล่งใดกันแน่นั้น กลายเป็นประเด็นจุดชนวนความเชื่อแบบสมคบคิดและข้อกล่าวหาว่ามีการปกปิดข้อมูล และยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น การที่ทางการจีนพยายามปิดบังการระบาดในระยะแรก รวมถึงกักตัวนักข่าวพลเมืองและลงโทษแพทย์ และรายงานที่ว่าทางจีนไม่ให้ความร่วมมือต่อ WHO และองค์กรอื่น ๆ ในการตรวจสอบในจีนเท่าที่ควร ล้วนทำให้ประเด็นดังกล่าวดุเดือดมาตลอดทั้งปีนี้

ทางด้านทางการจีนและสื่อของรัฐบาลจีนก็ยกระดับแคมเปญเพื่อเผยแพร่ข้อมูลว่าไวรัสไม่ได้เริ่มระบาดมาจากจีน รวมทั้งรายงานข่าวถึงการพบเชื้อไวรัสระยะแรกในอิตาลี แม้ตัวผู้วิจัยเองจะระบุว่าข้ออ้างดังกล่าวเป็น “โฆษณาชวนเชื่อ” ก็ตาม

สื่อ The People’s Daily ของทางการจีนยังระบุในสื่อสังคมออนไลน์ด้วยว่า “ข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ล้วนบ่งบอกว่า เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้เริ่มมาจากเมืองอู่ฮั่นทางตอนกลางของจีน”

ทาง WHO เองก็เผชิญกับข้อกล่าวหาว่าร่วมมือกับจีนในช่วงเดือนแรก ๆ ของการระบาดด้วยเช่นกัน ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง รวมถึงการที่ในขณะนั้นยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อไวรัสสามารถระบาดจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้ ทำให้การรับมือต่อไวรัสเป็นไปอย่างล่าช้ามากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ลีนเดิร์ซระบุว่า ทีมวิจัยของ WHO ชุดนี้จะต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงจีน แต่ทางการจีนยังไม่ได้มีข้อกำหนดอื่นใดแก่ทางทีม โดยแม้เขาจะไม่ได้คาดหวังว่าทางทีมจะหาคำตอบของต้นตอการระบาดของไวรัสได้อย่างชัดเจน แต่รายงานของทางทีมน่าจะช่วยให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากขึ้น และจะใช้ข้อมูลที่ได้มาเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคตได้อย่างไร