Your browser doesn’t support HTML5
องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีคน 36 ล้าน7 เเสนคนทั่วโลกเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ และมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อเหล่านี้ได้รับการบำบัดด้วยยาต้านไวรัส
องค์การอนามัยโลกรายงานว่า มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อที่เริ่มใช้ยาต้านไวรัสใน 6 จาก 11 ประเทศที่สำรวจในเเอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา ดื้อต่อยาต้านไวรัส และได้เตือนว่าปัญหาเชื้อไวรัสเอชไอวีดื้อต่อยาต้านไวรัสนี้ อาจเป็นอุปสรรคต่อความคืบหน้าในการควบคุมและการลดการเเพร่ระบาดของโรค
แอฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีมากที่สุด โดยนับเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดทั่วโลก เเต่ เเม็ก โดเฮอร์ตี ผู้ประสานงานด้านการบำบัดเเละดูแลผู้ป่วยเอดส์แห่งองค์การอนามัยโลก บอกว่า ในส่วนอื่นๆ ของโลก โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออกและเอเชียกลาง มีอุบัติการณ์ของเชื้อดื้อต่อยาต้านไวรัสที่สูงสุดด้วย
โดเฮอร์ตี ผู้ประสานงานแห่งองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ในแอฟริกาส่วนใหญ่ รวมทั้งในแอฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า มีการบำบัดการติดเชื้อเอชไอวีอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นข่าวดี แต่หากมีคนเข้ารับการบำบัดมากขึ้น และมีคนใช้ยาบำบัดที่อาจทำให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการดื้อยาก็จะสูงขึ้น
องค์การอนามัยโลกกำลังเตรียมออกข้อเเนะนำใหม่เพื่อช่วยประเทศต่างๆ เเก้ปัญหาเชื้อเอชไอวีดื้อยา และเเนะนำว่าประเทศต่างๆ ควรเฝ้าระวังคุณภาพของโครงการบำบัด และทันทีที่พบการดื้อยา ผู้ติดเชื้อต้องเปลี่ยนไปใช้ยาบำบัดขนานใหม่
องค์การอนามัยโลกได้เตือนว่า ปัญหาเชื้อเอชไอวีดื้อต่อยาบำบัดอาจทำให้มีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 135,000 ราย เเละจะมีการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 105,000 คนภายในห้าปีข้างหน้า หากยังไม่มีมาตรการอะไรออกมารับมือกับเรื่องนี้
นอกจากนี้ WHO ยังประมาณด้วยว่า ค่าใช้จ่ายในการบำบัดเอชไอวีอาจจะเพิ่มขึ้นไปอีก 650 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในช่วงห้าปีข้างหน้านี้
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)