ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิจัยอเมริกันพัฒนาวิธีตรวจหา 'เชื้อเอชไอวี' ที่หลบซ่อนในร่างกายผู้ป่วยใช้ยาต้านไวรัส


 FILE - A patient in the advanced stages of AIDS, lays in his bed at the Mai Hoa Center for HIV and AIDS patients in the village of An Nhon Tay, 60 kilometers, (37 miles) northwest of Ho Chi Minh City, Vietnam, Oct. 10, 2009.
FILE - A patient in the advanced stages of AIDS, lays in his bed at the Mai Hoa Center for HIV and AIDS patients in the village of An Nhon Tay, 60 kilometers, (37 miles) northwest of Ho Chi Minh City, Vietnam, Oct. 10, 2009.

การบำบัดการติดเชื้อเอชไอวีพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นในปัจจุบัน กล่าวคือ ในอดีตผู้ติดเชื้อต้องกินยามากกว่า 30 เม็ดต่อวัน และมีผลข้างเคียงของยาต่อร่างกายสูง เเต่ในปัจจุบัน ผู้ป่วยอาจจะกินยาเพียงวันละเม็ดเดียวเท่านั้น

แต่ในขณะที่ยาต้านไวรัสเอดส์หลายชนิดช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น ยาเหล่านี้ไม่ได้รักษาโรคให้หายขาดเเต่อย่างใด

เชื้อเอชไอวีแอบซ่อนอยู่ภายในเซลล์ภูมิต้านทานของร่างกายที่เรียกว่า CD4 ภายในต่อมน้ำเหลือง เนื้อเยื่อในลำไส้ใหญ่ สมองเเละจุดอื่นๆ ในร่างกาย และต้องใช้การตรวจหาเชื้อเอชไอวีที่ราคาเเพงในการตรวจหาเชื้อไวรัสที่เเอบซ่อนอยู่ในร่างกายผู้ป่วย และต้องให้เวลานานถึง 2 สัปดาห์กว่าจะรู้ผลแต่การตรวจนี้ โดยไม่สามารถระบุได้ว่ามีเชื้อเอชไอวีในร่างกายมากเท่าใด เเละมีโอกาสกลับมาแพร่เชื้อได้อีกมากน้อยแค่ไหน กี่เปอร์เซ็นต์

มาถึงขณะนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ในสหรัฐฯ ได้พัฒนาการตรวจหาเชื้อเอชไอวีที่แอบซ่อนในร่างกายผู้ติดเชื้อที่รู้ผลการตรวจอย่างรวดเร็ว มีราคาถูกลง ง่ายดายขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงในการตรวจพบเชื้อเอชไอวี

วิธีการตรวจเเบบใหม่นี้ได้ชื่อว่า TZA สามารถตรวจหายีนของเชื้อเอชไอวีที่เริ่มทำงานเมื่อเชื้อไวรัสเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น

ด็อกเตอร์ฟาลกูนี่ กุพตา หัวหน้าผู้ร่างรายงานผลการวิจัย อธิบายว่าทำไมยาต้านไวรัสเอชไอวีจึงไม่ทำลายเชื้อเอชไอวีที่แอบซ่อนอยู่ในร่างกายผู้ป่วย

เขากล่าวว่าเชื้อเอชไอวีไปแอบซ่อนอยู่ภายในเซลล์ภูมิต้านทาน CD4 และระงับการทำงานโดยไม่มีการผลิตโปรตีนออกมา ไม่มีการเพิ่มปริมาณไวรัส ทำให้ร่างกายไม่รู้ว่ายังมีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย เหมือนกับขโมยที่แอบอยู่ภายในบ้าน เจ้าของบ้านมองไม่เห็นตัวขโมยจึงจับตัวไม่ได้ เช่นเดียวกับเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายที่ยาต้านไวรัสไม่สามารถกำจัดได้เพราะเชื้อไวรัสไม่ออกฤทธิ์

นอกจากนี้ การตรวจหาเชื้อเอชไอวีเเบบใหม่ที่ทีมนักวิจัยในสหรัฐฯ คิดค้นขึ้นนี้ ยังสามารถระบุปริมาณไวรัสเอชไอวีที่แอบแฝงและไม่ออกฤทธิ์ในร่างกายของผู้ติดเชื้อที่ได้รับยาต้านไวรัสได้ด้วยว่า มีอยู่ในปริมาณที่สูงกว่าที่คิดเอาไว้ถึง 70 เท่าตัว

ด็อกเตอร์กุพตากล่าวว่า จำเป็นต้องมีการพัฒนายาตัวชนิดใหม่เพื่อกระตุ้นให้เชื้อเอชไอวีที่แอบแฝงในร่างกายผู้ติดเชื้อออกฤทธิ์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจพบเชื้อเเละยาบำบัดทำงานได้ผล

การตรวจหาเชื้อเอชไอวีแอบแฝง TZA นี้ใช้ในการยืนยันความสำเร็จของการบำบัดได้ด้วยการวัดปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีที่หลงเหลืออยู่ในร่างกาย

ด็อกเตอร์กุพตากล่าวว่า กำลังมีการทดสอบยาบำบัดเอดส์หลายชนิดในขณะนี้ เพื่อดูว่ายาเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เชื้อไวรัสเอดส์ที่แอบแฝงในร่างกายกลับออกมาทำงานอีกครั้ง เเละเมื่อเชื้อโรคเริ่มออกฤทธิ์อีกครั้ง ระบบภูมิต้านทานในร่างกายหรือยาต้านเอชไอวีก็จะทำหน้าที่กำจัดเชื้อไวรัสทันที

ขณะนี้ยังไม่รู้ว่ายาบำบัดเอชไอวีเหล่านี้จะออกมาวางตลาดเมื่อไหร่ ด็อกเตอร์กุพตากล่าวว่ามียาสองชนิดที่กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบในคน แต่ผลการทดสอบขั้นเเรกยังไม่ได้ผลดีนัก ส่วนยาบำบัดอีก 2 หรือ 3 ชนิดกำลังกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ผลการวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine ไปเมื่อเร็วๆ นี้

(รายงานโดย Joe De Capua / เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว)

XS
SM
MD
LG