การบำบัดการติดเชื้อเอชไอวีพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นในปัจจุบัน กล่าวคือ ในอดีตผู้ติดเชื้อต้องกินยามากกว่า 30 เม็ดต่อวัน และมีผลข้างเคียงของยาต่อร่างกายสูง เเต่ในปัจจุบัน ผู้ป่วยอาจจะกินยาเพียงวันละเม็ดเดียวเท่านั้น
แต่ในขณะที่ยาต้านไวรัสเอดส์หลายชนิดช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น ยาเหล่านี้ไม่ได้รักษาโรคให้หายขาดเเต่อย่างใด
เชื้อเอชไอวีแอบซ่อนอยู่ภายในเซลล์ภูมิต้านทานของร่างกายที่เรียกว่า CD4 ภายในต่อมน้ำเหลือง เนื้อเยื่อในลำไส้ใหญ่ สมองเเละจุดอื่นๆ ในร่างกาย และต้องใช้การตรวจหาเชื้อเอชไอวีที่ราคาเเพงในการตรวจหาเชื้อไวรัสที่เเอบซ่อนอยู่ในร่างกายผู้ป่วย และต้องให้เวลานานถึง 2 สัปดาห์กว่าจะรู้ผลแต่การตรวจนี้ โดยไม่สามารถระบุได้ว่ามีเชื้อเอชไอวีในร่างกายมากเท่าใด เเละมีโอกาสกลับมาแพร่เชื้อได้อีกมากน้อยแค่ไหน กี่เปอร์เซ็นต์
มาถึงขณะนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ในสหรัฐฯ ได้พัฒนาการตรวจหาเชื้อเอชไอวีที่แอบซ่อนในร่างกายผู้ติดเชื้อที่รู้ผลการตรวจอย่างรวดเร็ว มีราคาถูกลง ง่ายดายขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงในการตรวจพบเชื้อเอชไอวี
วิธีการตรวจเเบบใหม่นี้ได้ชื่อว่า TZA สามารถตรวจหายีนของเชื้อเอชไอวีที่เริ่มทำงานเมื่อเชื้อไวรัสเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น
ด็อกเตอร์ฟาลกูนี่ กุพตา หัวหน้าผู้ร่างรายงานผลการวิจัย อธิบายว่าทำไมยาต้านไวรัสเอชไอวีจึงไม่ทำลายเชื้อเอชไอวีที่แอบซ่อนอยู่ในร่างกายผู้ป่วย
เขากล่าวว่าเชื้อเอชไอวีไปแอบซ่อนอยู่ภายในเซลล์ภูมิต้านทาน CD4 และระงับการทำงานโดยไม่มีการผลิตโปรตีนออกมา ไม่มีการเพิ่มปริมาณไวรัส ทำให้ร่างกายไม่รู้ว่ายังมีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย เหมือนกับขโมยที่แอบอยู่ภายในบ้าน เจ้าของบ้านมองไม่เห็นตัวขโมยจึงจับตัวไม่ได้ เช่นเดียวกับเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายที่ยาต้านไวรัสไม่สามารถกำจัดได้เพราะเชื้อไวรัสไม่ออกฤทธิ์
นอกจากนี้ การตรวจหาเชื้อเอชไอวีเเบบใหม่ที่ทีมนักวิจัยในสหรัฐฯ คิดค้นขึ้นนี้ ยังสามารถระบุปริมาณไวรัสเอชไอวีที่แอบแฝงและไม่ออกฤทธิ์ในร่างกายของผู้ติดเชื้อที่ได้รับยาต้านไวรัสได้ด้วยว่า มีอยู่ในปริมาณที่สูงกว่าที่คิดเอาไว้ถึง 70 เท่าตัว
ด็อกเตอร์กุพตากล่าวว่า จำเป็นต้องมีการพัฒนายาตัวชนิดใหม่เพื่อกระตุ้นให้เชื้อเอชไอวีที่แอบแฝงในร่างกายผู้ติดเชื้อออกฤทธิ์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจพบเชื้อเเละยาบำบัดทำงานได้ผล
การตรวจหาเชื้อเอชไอวีแอบแฝง TZA นี้ใช้ในการยืนยันความสำเร็จของการบำบัดได้ด้วยการวัดปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีที่หลงเหลืออยู่ในร่างกาย
ด็อกเตอร์กุพตากล่าวว่า กำลังมีการทดสอบยาบำบัดเอดส์หลายชนิดในขณะนี้ เพื่อดูว่ายาเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เชื้อไวรัสเอดส์ที่แอบแฝงในร่างกายกลับออกมาทำงานอีกครั้ง เเละเมื่อเชื้อโรคเริ่มออกฤทธิ์อีกครั้ง ระบบภูมิต้านทานในร่างกายหรือยาต้านเอชไอวีก็จะทำหน้าที่กำจัดเชื้อไวรัสทันที
ขณะนี้ยังไม่รู้ว่ายาบำบัดเอชไอวีเหล่านี้จะออกมาวางตลาดเมื่อไหร่ ด็อกเตอร์กุพตากล่าวว่ามียาสองชนิดที่กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบในคน แต่ผลการทดสอบขั้นเเรกยังไม่ได้ผลดีนัก ส่วนยาบำบัดอีก 2 หรือ 3 ชนิดกำลังกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา
ผลการวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine ไปเมื่อเร็วๆ นี้
(รายงานโดย Joe De Capua / เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว)