Your browser doesn’t support HTML5
เวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Economic Forum (WEF) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และบทบาทดังกล่าวเปิดทางให้รัฐบาลกรุงฮานอย รวมถึงภาคธุรกิจในประเทศแสดงศักยภาพของเศรษฐกิจเวียดนาม ในฐานะทางเลือกหนึ่งของการลงทุน ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
สื่อ CNBC ของสหรัฐฯ สัมภาษณ์นักวิเคราะห์เกี่ยวกับเศรษฐกิจของเวียดนาม กับโอกาสจากปัจจัยการค้าโลกในปัจจุบัน
รายงานชิ้นนี้ระบุว่า เวียดนามซึ่งเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีแรกเติบโตรวดเร็วที่สุดในรอบ 8 ปี น่าจะสามารถเลี่ยงผลกระทบเชิงลบจากสงครามการค้าและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
นักวิเคราะห์จากธนาคาร Mizuho กล่าวว่า แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารกลางอเมริกัน กับวาทะของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องการค้า เปรียบดังอาวุธร้ายแรงเสมือน “ปืนพกลำกล้องแฝดของสหรัฐฯ”
ตามปกติ ประเทศที่อาศัยการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนการขยายตัว มักเผชิญกับปัญหารายได้จากสินค้าส่งออกเมื่อเกิดสงครามการค้า ขณะที่เศรษฐกิจที่มีหนี้เป็นเงินสกุลต่างชาติมากน่าจะได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่า ปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนไหวต่อปัญหาทั้งสองนี้ พบได้บ่อยๆ ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า เวียดนามอาจสามารถได้รับประโยชน์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
CNBC รายงานว่า ความใกล้ชิดกับจีนช่วยให้เวียดนามเป็นสถานที่สร้างฐานการผลิตของบริษัทจากแดนมังกร
นักวิเคราะห์ Dwyfor Evans จาก State Street Global Markets ให้สัมภาษณ์ CNBC ว่า หากสงครามการค้าสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อการนำเข้า ความต้องการสินค้าทดแทนจากจีน น่าจะทำให้คนซื้อสินค้าจากเวียดนามมากขึ้น
ในส่วนของการลงทุนจากบริษัทต่างชาติ Robert Subbaraman แห่งสถาบันการเงิน Nomura กล่าวว่า บริษัทหลายแห่งกำลังย้ายการฐานผลิตมาที่อยู่ที่เวียดนาม
ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI (Foreign Direct Investment)ในเวียดนาม เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 มาอยู่ที่ 11,250 ล้านดอลลาร์ และเมื่อปีที่แล้ว FDI แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17,500 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เวียดนามอาศัยการส่งออกเป็นตัวกระตุ้นเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่ง โดย นักวิเคราะห์ Chidu Narayanan จาก Standard Chartered Bank ระบุว่าอัตราส่วน การส่งออกต่อขนาดเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามอยู่ที่ 200 เปอร์เซ็นต์ และน่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปจากนี้อีก
นักวิเคราะห์ Robert Subbaraman จาก Nomura กล่าวกับ CNBC ว่า แม้ปัจจัยพื้นฐานจะดูเอื้ออำนวยต่อการขยายตัวต่อไป เวียดนามต้องระวังไม่ให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป และต้องรักษาระเบียบวินัยการคลังไปในเวลาเดียวกัน
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ CNBC)