ในสัปดาห์นี้ เวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Economic Forum (WEF) และบทบาทดังกล่าวสร้างโอกาสให้รัฐบาลกรุงฮานอยแสดงให้นักลงทุนต่างชาติเห็นว่า เวียดนามมีศักยภาพในการเป็นจุดผลิตและส่งสินค้าออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ และจีน
การประชุมครั้งนี้ซึ่งเริ่มขึ้นในวันอังคารและมีไปจนถึงวันพฤหัสบดี ที่กรุงฮานอย มีผู้เข้าร่วมเป็นบริษัทใหญ่ๆ จากทั่วโลกมากมาย
เวียดนามเองต้องการการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยอัตราการขยายตัวที่ 6 ถึง 7 เปอร์เซ็นต์ต่อปีอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การใช้เวียดนามเป็นจุดผลิตและส่งสินค้าไปขายในจีนและอเมริกา อาจช่วยให้บริษัทผู้ลงทุนเลี่ยงผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจดังกล่าว
เฟดเดอริค เบิร์ค ผู้บริหารจากบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Baker McKenzie ที่นครโฮจิมินห์ ซิตี้ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบริษัทข้ามชาติจำนวนมากขนาดนี้ที่มาที่เวียดนาม
เขาบอกว่าบริษัทเหล่านี้กำลังพิจารณาศักยภาพของเวียดนาม ท่ามกลางปัญหาการค้าโลก และมองถึงการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบขนส่งและผลิตสินค้าของประเทศ
การประชุม World Economic Forum จะมีตัวแทนจากประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงผู้นำรัฐบาลและผู้บริหารบริษัทเอกชน ราว 1,000 คนเข้าร่วมงาน
เจตนารมณ์หลักของ World Economic Forum คือการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่าเวทีนี้ยังเป็นกลไกการสนับสนุนการค้าเสรีด้วย
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่า เวียดนามอาจใช้ผลพลอยได้การประชุมนี้เป็นเวทีการเจรจาการค้า
อาจารย์ คาร์ล เธเยอร์ แห่งมหาวิทยาลัย New South Wales ของออสเตรเลีย กล่าวว่า เวียดนามมีโอกาสผลักดันความคืบหน้าเรื่องการค้าพหุภาคีจากการเป็นเจ้าภาพ World Economic Forum
เขากล่าวว่า ส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพการประชุมใหญ่ๆ คือการแสดงให้เห็นว่าเวียดนามเป็นสมาชิกประชาคมโลกที่ดีได้
ท้ายสุด นักวิเคราะห์ อาลีเชีย การ์เซีย เฮอร์เรโร จากบริษัทการเงิน Natixis กล่าวว่า ศักยภาพทางเศรษฐกิจของเวียดนามน่าจะทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพราะเวียดนามมีแรงดึงดูดในฐานะประเทศทางเลือกแข่งกับจีน ขณะเดียวกันก็มีการทำการค้ากับทั้งจีนและสหรัฐฯ
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ Ralph Jennings)