Your browser doesn’t support HTML5
ขณะนี้เจ้าหน้าที่เวียดนามกำลังวางแผนใหม่ หลังจากที่เคยคาดหวังว่าข้อตกลงเขตการค้าเสรี Trans Pacific Partnership จะเกิดขึ้น
แต่เมื่อสหรัฐฯ ซึ่งเป็นแกนนำการเจรจาเขตการค้าเสรีดังกล่าว ได้นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นว่าที่ประธานาธิบดี ความหวังของเวียดนามจึงแทบจะดับลง เพราะทรัมป์ไม่สนับสนุน TPP ที่กำลังรอการลงสัตยาบัน
เวียดนามซึ่งเคยถูกคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งใน 12 ประเทศสมาชิก TPP ที่จะได้ประโยชน์อย่างสูงจากการค้าเสรีฉบับนี้ จึงปรับการมองสถานการณ์ใหม่
Oscar Mussons ที่ปรึกษาแห่งบริษัท Dezan Shira & Associate ที่นคร Ho Chi Minh กล่าวว่า ผู้คนผิดหวังกับอนาคตของ TPP ซึ่งไม่น่าจะได้ไปต่อ แต่เวียดนามยังคงสามารถมองไปข้างหน้า ซึ่งยังมีข้อตกลงการค้าหลายฉบับที่ลงนามไปแล้ว
เวียดนามซึ่งมีประชากร 94 ล้านคนและขนาดเศรษฐกิจ 194,000 ล้านดอลลาร์ จะได้ประโยชน์จาก TPP เนื่องจากผู้ส่งออกของเวียดนามจะถูกเก็บภาษีในระดับต่ำจากตลาดของประเทศภาคี หาก TPP เกิดขึ้น กลุ่มประเทศสมาชิกจะมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันร้อยละ 40 ของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกของเวียดนามที่สำคัญที่สุดกับมูลค่าสินค้าเกือบสามหมื่นล้านดอลลาร์จากเวียดนามที่ขายให้กับอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าตนจะพยายามถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงการค้าเสรี Trans Pacific Partnership ซึ่งประเทศต่างๆ ได้เจรจากันมานาน 10 ปี และลงนามไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ขณะที่ร่างข้อตกลง TPP ยังไม่ผ่านขั้นตอนลงสัตยาบันโดยรัฐสภาสหรัฐฯ ที่พรรครีพับลิกันคุมเสียงข้างมากอยู่
ขณะนี้ผู้นำเวียดนามจึงทุ่มความสนใจไปที่การเจรจาการค้าระดับทวิภาคีกับประเทศต่างๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์มาทดแทน TPP และการเจรจาการค้าอีกเวทีหนึ่งที่สำคัญคือ การเปิดเขตการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป ที่มีการสรุปผลไปแล้วในปีนี้
และในเดือนตุลาคม เวียดนามได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มการค้าห้าประเทศที่รัสเซียเป็นแกนนำ ที่ประกอบด้วยประเทศในเขตยูเรเชีย
หากนับรวมทั้งหมด ปัจจุบันเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาการค้า 16 ฉบับ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงกับประเทศสมาชิก ASEAN ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความตกลงต่อยอดไปกับ จีน ญี่ปุ่นและอินเดีย
ในเวลาเดียวกันจีนกำลังผลักดัน Regional Comprehensive Economic Partnership ซึ่งเวียดนามก็อยู่ในกลุ่มการค้าที่รวมตัวกันอย่างหลวมๆนี้ด้วย
แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความพยายามของจีนนี้น่าจะใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสามารถสรุปผลสุดท้ายของการเจรจาได้
(รายงานโดย Ralph Jennings / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)