Your browser doesn’t support HTML5
สถานฑูตอเมริกันในกรุงฮานอยระบุว่ายังไม่มีการตอบสนองจากรัฐบาลเวียดนาม สืบเนื่องจากที่ทางสถานฑูตฯ ได้ขอให้รัฐบาลเวียดนามยกเลิกการอนุญาตให้รัสเซียใช้ท่าเรือน้ำลึกอ่าว Cam Ranh ในเวียดนาม เพื่อเติมเชื้อเพลิงให้กับเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย ซึ่งลาดตระเวนอยู่ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งความกังวลไปยังรัฐบาลเวียดนามโดยตรง เรื่องที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียแวะเติมเชื้อเพลิงที่อ่าว Cam Ranh ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ อยู่ห่างจากนครโฮจิมินท์ราว 290 กม.
เจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันในกรุงฮานอย Lisa Wishman กล่าวกับ VOA ว่าทางสถานทูตฯ ได้แจ้งความประสงค์ไปยังเวียดนามว่าไม่ต้องการให้รัสเซียใช้ประโยชน์จากฐานทัพดังกล่าว ในกิจกรรมที่อาจนำไปสู่การเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคนี้
รัสเซียและเวียดนามเป็นพันธมิตรทางทหารมานานหลายสิบปีแล้ว และเมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานว่าเครื่องบินเติมน้ำมันแบบ Il-78 ได้ใช้ฐานทัพอ่าว Cam Ranh ในการเติมเชื้อเพลิงให้กับเครื่องบินทิ้งระเบิด Tupolev Tu-95 หรือ Bear Bomber ซึ่งสามารถบินได้ในพิสัย 15,000 กม.จากการเติมน้ำมัน 1 ครั้ง
ผู้บัญชาการกองกำลังทหารบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก กล่าวกับสำนักข่าว Reuters ว่าเครื่องบินรัสเซียได้บินรุกล้ำเข้าไปในเขตน่านฟ้าของดินแดนที่อยู่ในการปกครองของสหรัฐฯ รวมถึงเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศ Anderson ห่างจากเวียดนามไปทางตะวันออกราว 4,000 กม. ซึ่งทางสหรัฐฯบอกว่าเป็นการกระทำยั่วยุให้เกิดความตึงเครียด
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ ระบุว่าพบเห็นเครื่องบิน Bear Bomber เหนือช่องแคบอังกฤษ ในช่วงที่รัสเซียเพิ่มการลาดตระเวนทางอากาศและทางทะเล ใกล้กับเขตแดนของประเทศสมาชิกองค์การนาโต้
เมื่อเดือน พ.ย ปีที่แล้ว รัสเซียประกาศว่ามีแผนจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลกลับไปลาดตระเวนตามน่านน้ำแถบอเมริกาเหนือ เหมือนในยุคสงครามเย็น
ในด้านความสัมพันธ์ทางทหาร รัสเซียกับเวียดนามมีความสัมพันธ์แนบแน่นมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ หลังยุคสงครามเวียดนาม กลับมาใกล้ชิดอีกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ 1995 และแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในช่วงหลังๆ เนื่องจากเวียดนามต้องการให้สหรัฐเข้ามาคานอำนาจของจีน หลังจากเกิดความขัดแย้งเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้
สหรัฐฯ และเวียดนามเพิ่งมีการฝึกซ้อมด้านการรับมือภัยพิบัติไปเมื่อปีที่แล้ว และจะจัดขึ้นอีกครั้งในเดือนนี้ นอกจากนั้นสหรัฐฯ ยังเป็นผู้จัดหาเรือลาดตระเวนรุ่นใหม่อย่างน้อย 5 ลำให้กับเวียดนาม ซึ่งจะส่งมอบในปีหน้า ซึ่งเป้นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 18 ล้านดอลล่าร์ ที่สหรัฐฯ มอบให้กับเวียดนามเพื่อใช้เสริมศักยภาพการปกป้องอธิปไตยทางทะเล
ทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงฮานอย Ted Osius กล่าวปราศรัยที่มหาวิทยาลัยฮานอยเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า สหรัฐฯหวังว่าเวียดนามคงจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ และว่าสหรัฐฯ ต้องการที่จะเสริมศักยภาพด้านความมั่นคงของเวียดนาม ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
รายงานจากผู้สื่อข่าว Steve Herman / เรียบเรียงโดยทรงพจน์ สุภาผล