ประธานาธิบดี Obama กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า หลังจาก 13 ปี ภารกิจของสหรัฐในการต่อสู้ใน Afghanistan จะสิ้นสุดลงแล้ว
แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวว่า การเริ่มต้นปีใหม่ ไม่ได้หมายความว่า ความช่วยเหลือที่สหรัฐให้กับแอฟกานิสถานจะสิ้นสุดลงไปด้วย แม้จะถอนทหารส่วนใหญ่ออกไปแล้ว สหรัฐจะยังคงการสนับสนุนทางอากาศ การฝึกอบรมกำลังรบ และการต่อต้านการก่อการร้ายให้กับแอฟกานิสถานอยู่ต่อไป พร้อมกับทหารอเมริกันอีกมากกว่าหนึ่งหมื่นคน
สหรัฐยังจะต้องขับเคี่ยวกับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ISIS ต่อไปอีกด้วย และดูเหมือนว่าการโจมตีกลุ่ม ISIS ทางอากาศเริ่มจะได้ผล นักวิเคราะห์ Paul Salem จาก Middle East Institute ให้ความเห็นว่า ในปีนี้จะเห็นความก้าวหน้าในเรื่องนี้ด้วยความร่วมมือจากกองทัพบกของอิรัก กำลังรบชาว Kurd และการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากสหรัฐ
อีกเรื่องหนึ่งในตะวันออกกลางที่จะต้องมีความก้าวหน้าในปีใหม่นี้ คือการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับห้าชาติมหาอำนาจของโลก ผู้แทนเจรจาของทั้งสองฝ่ายกำลังหวังว่าจะทำความตกลงกันได้ในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ แต่รัฐมนตรี John Kerry ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เตือนสติว่า การเลื่อนกำหนดการทำความตกลงจากเดือนพฤศจิกายนที่แล้วมาเป็นปีนี้ ไม่ได้หมายความว่าการเจรจาจะง่ายชึ้น
รัฐมนตรี Kerry ย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก และจะยากอย่างนี้ต่อไป ในขณะที่ Robert Einhorn ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Brookings ในกรุงวอชิงตัน บอกว่าเรื่องนี้กำลังจะมีความยากมากขึ้น เพราะสมาชิกรัฐสภาชุดใหม่ ซึ่งในปีใหม่นี้ พรรค Republican คุมเสียงข้างมากทั้งสองสภา มีความกระตือรือร้นที่จะออกกฎหมายกำหนดมาตรการลงโทษอิหร่านทางเศรษฐกิจเพิ่ม ซึ่งอาจเป็นปัญหาต่อการเจรจาที่ว่านี้ได้
ในขณะเดียวกัน มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจที่สหรัฐใช้กับรัสเซีย ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่รัสเซียให้การสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดนใน Ukraine เริ่มมีผลกระทบเศรษฐกิจของรัสเซียให้เห็นแล้ว แต่ทางการสหรัฐยืนยันว่าไม่ต้องการให้ปัญหาใน Ukraine เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความสัมพันธ์กับรัสเซีย
และปัญหาสุดท้ายที่คั่งค้างมาจากปีที่แล้วคือเกาหลีเหนือ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐเพิ่งประกาศมาตรการชุดใหม่ลงโทษเกาหลีเหนือทางเศรษฐกิจเมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ FBI ระบุว่าเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการเจาะล้วงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของบริษัทภาพยนตร์ Sony ในเดือนพฤศจิกายน ศกก่อน