‘วอลซ์-แวนซ์’ โต้เดือดหลากประเด็นบนเวทีดีเบตรองปธน.สหรัฐฯ

  • VOA

ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาและตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ พร้อม เกวน ผู้เป็นภรรยา พูดคุยกับ เจ.ดี.แวนซ์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันรัฐโอไฮโอ ผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในปีนี้ และ อูชา ผู้เป็นภรรยา หลังการดีเบตที่นิวยอร์กจบลง

สองผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันแสดงวิสัยทัศน์และวาทะในการโต้อภิปรายหรือดีเบตครั้งแรกและครั้งเดียวของทั้งสองที่มุ่งเน้นประเด็นนโยบาย สลับกับการโจมตีตัวแทนชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีของแต่ละฝ่ายตลอดเวลากว่า 90 นาทีในคืนวันอังคาร

เหลือเวลาอีกเพียง 5 สัปดาห์ก่อนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันจะเห็นการปิดหีบเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายน และทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาและตัวแทนพรรคเดโมแครต และเจ.ดี.แวนซ์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันรัฐโอไฮโอ โต้กันหลายประเด็นที่มีตั้งแต่สงครามในตะวันออกกลาง ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นโยบายการอพยพเข้าเมือง เศรษฐกิจ สิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์และสภาพการณ์ด้านประชาธิปไตยของประเทศ

แม้ทั้งคู่จะใช้เวลาออกเดินสายหาเสียงพร้อม ๆ กับกระหน่ำโจมตีกันและกันมาตลอด เมื่อปรากฏตัวบนเวทีการดีเบตที่สถานีโทรทัศน์ซีบีเอส (CBS) เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ต่างมีท่าทีที่มีอารยะและสุภาพต่อกัน แทนที่จะเดินหน้าใช้วาทะถล่มกันเหมือนกับที่การดีเบตระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริสและอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

Your browser doesn’t support HTML5

‘วอลซ์-แวนซ์’ โต้เดือดหลากประเด็นบนเวทีดีเบตรองปธน.สหรัฐฯ

การดีเบตครั้งนี้ยังมีกฎที่เหมือนกับการดีเบตครั้งก่อน ๆ ในปีนี้ ซึ่งก็คือ เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ต่อหน้าผู้ดำเนินรายการ 2 คน โดยไม่มีผู้ชม และต่างจะมีเวลาในการตอบคำถาม อธิบายและขยายความหรือถามคำถามต่อเท่า ๆ กัน โดยผู้จัดปิดไมค์ของผู้ที่ไม่ได้มีวาระพูดเสมอ

สลับหมัดกันอัดคู่ชิงเลือกตั้ง

ตลอดเวลาการโต้อภิปราย แวนซ์พยายามตั้งคำถามว่า ทำไมแฮร์ริสถึงไม่ได้ทำหน้าที่รองประธานาธิบดีในช่วง ที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ การอพยพเข้าเมืองและผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจ คล้าย ๆ กับที่ทรัมป์ทำเมื่อขึ้นเวทีดีเบตครั้งที่แล้ว

ผู้คนติดตามชมการดีเบตระหว่าง ทิม วอลซ์ และ เจ.ดี.แวนซ์ ที่กิจกรรมชมการโต้อภิปรายในเมืองเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา

“ถ้าคามาลา แฮร์ริส มีแผนงานเลิศเลอมากมายในการแก้ปัญหาสำหรับชนชั้นกลาง เธอก็ควรลงมือทำในตอนนี้แล้ว – ไม่ใช่เมื่อพยายามจะหาทางขึ้นตำแหน่ง แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบที่ชาวอเมริกันมอบให้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีครึ่งก่อน” แวนซ์กล่าว

ขณะเดียวกัน วอลซ์พยายามนำเสนอว่า ทรัมป์นั้นเป็นผู้นำที่ไม่มีความสม่ำเสมอและให้ความสำคัญกับบรรดาอภิมหาเศรษฐีในลำดับต้น ๆ เสมอ พร้อม ๆ กับใช้คำวิพากษ์วิจารณ์ของแวนซ์เกี่ยวกับเรื่องนโยบายผู้อพยพมาโจมตีทรัมป์ที่บีบให้สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสไม่ให้สนับสนุนร่างกฎหมายความมั่นคงตามแนวชายแดนที่เดิมสมาชิกสภาจากทั้งสองพรรคต่างสนับสนุนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

“เราส่วนใหญ่ต้องการแก้ปัญหานี้” วอลซ์กล่าว เมื่อพูดถึงปัญหาด้านนโยบายผู้อพยพเข้าเมือง “โดนัลด์ ทรัมป์ มีเวลาถึง 4 ปี เพื่อจัดการเรื่องนี้ และเขาก็สัญญาพวกคุณ ชาวอเมริกัน ว่า มันจะเป็นเรื่องง่าย ๆ”

จุดยืนสหรัฐฯ ในประเด็นอิสราเอล

ในประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะหลังอิสราเอลรุกภาคพื้นดินเข้าไปในเลบานอนและอิหร่านยิงขีปนาวุธโต้กลับเข้าไปในอิสราเอล วอลซ์ กล่าวว่า ทรัมป์ “กลับกลอก” และเห็นใจพวกผู้มีอำนาจทั้งหลายเกินกว่าจะไว้ใจให้รับมือปัญหาความขัดแย้งที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องนี้ได้ ขณะที่ แวนซ์ กล่าวย้ำว่า ทรัมป์คือผู้ที่ทำให้โลกมีความปลอดภัยมั่นคงมากกว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

Your browser doesn’t support HTML5

อิหร่านระดมยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล ตอบโต้โจมตีเลบานอน

และเมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า จะสนับสนุนการที่อิสราเอลชิงลงมือโจมตีใส่อิหร่านหรือไม่ แวนซ์กล่าวว่า ตนจะให้อิสราเอลเป็นผู้ตัดสินใจเอง ขณะที่ วอลซ์ไม่ตอบคำถามนี้ตรง ๆ

อดีตที่ตามมาหลอน

ณ จุดหนึ่ง ทั้งสองถูกถามถึงสิ่งที่ต่างเคยพูดในอดีตและมีผู้พบว่า ไม่เป็นความจริงหรือกลับหน้ามือเป็นหลังมือ

ในกรณีของวอลซ์ ผู้ดำเนินรายการถามว่า จะอธิบายอย่างไร เมื่อมีรายงานยืนยันว่า ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตารายนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศจีนขณะที่เกิดเหตุการปรามปรามรุนแรงต่อการชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ดังที่เคยกล่าวอ้างไว้

“ผมมันบื้อไปในช่วงนั้น” วอลซ์ตอบ “ผมไปที่นั่น(จีน)ในช่วงฤดูร้อนและพูดออกมาผิด ๆ ในเรื่องนี้ คือ ผมอยู่ที่ฮ่องกงและไปจีนในช่วงที่มีการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย และจากจุดนั้น ผมก็ได้เรียนรู้มากมายว่า การจัดการปกครองนั้นมีความหมายเพียงใด”

ส่วนแวนซ์ก็ใช้เวลาปกป้องทรัมป์ผู้ที่เขาเคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์มากมายในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ด้วย

“ผมมันผิดเอง เกี่ยวกับทรัมป์” แวนซ์กล่าว “ก่อนอื่นเลย คือ ผมพูดผิดไป เพราะผมเชื่อเรื่องราวบางเรื่องที่สื่อรายงานออกมาที่(ตอนหลังผม)พบว่า เป็นเรื่องแต่งขึ้นทั้งเพเกี่ยวกับประวัติของ(ทรัมป์) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำทุกอย่างเพื่อชาวอเมริกัน”

หนุนหรือต้านสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามเกี่ยวกับนโยบายสิทธิการทำแท้ง วอลซ์วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ที่แต่งตั้งตุลาการศาลสูงหัวอนุรักษ์นิยม 3 คนขึ้นมาจนทำให้มีการพลิกคำตัดสินอายุเก่าแก่เกือบ 50 ปีว่าด้วยสิทธิของชาวอเมริกันในการทำแท้ง โดยระบุว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ คือ คนที่ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องขึ้นมา” และว่า “(ทรัมป์)โอ้อวดว่า การที่เขาแต่งตั้งตุลาการศาลสูงนั้นเป็นเรื่องดีเลิศมากจนพลิกคำตัดสิน Roe v. Wade” ซึ่งเป็นคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐฯ เมื่อปี 1972 เพื่อปกป้องสิทธิการทำแท้ง

SEE ALSO: ไบเดนตำหนิ 'ร่างความเห็นศาลสูง' สนับสนุนยกเลิกสิทธิการทำแท้งในสหรัฐฯ

แต่แวนซ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมเมื่อพูดถึงการทำแท้ง กลับนำเสนอความเห็นที่ดูเป็นกลางกว่าปกติ และกล่าวว่า ตนไม่ได้สนับสนุนการออกกฎหมายห้ามการทำแท้งทั่วประเทศ แม้ว่าจะเคยพูดว่า ตนนั้นสนับสนุนเรื่องนี้มาก่อน

เหตุจลาจลรัฐสภาสหรัฐฯ 6 ม.ค.

ประเด็นที่มีการโต้อย่างร้อนแรงเรื่องหนึ่งบนเวทีดีเบตคืนวันอังคารก็คือ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ซึ่งทรัมป์กล่าวยืนยันมาตลอดว่า ตนคือผู้ชนะ จนทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี 2021 ขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสกำลังให้การรับรองผลการเลือกตั้งอยู่

Your browser doesn’t support HTML5

จลาจล! ผู้สนับสนุน 'ทรัมป์' บุกรัฐสภา ปฏิเสธผลการเลือกตั้ง

วอลซ์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็น “ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย” ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และว่า คำพูดของประธานาธิบดีนั้นมีความสำคัญเสมอ พร้อม ๆ กับถามแวนซ์ว่า ถ้าหากทรัมป์แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจะทำอย่างไร และได้รับคำตอบว่า “ผมสนใจแต่อนาคต”

“นั่นเป็นคำตอบที่ไม่ตอบบ้าอะไรเลย” วอลซ์กล่าว

ขณะเดียวกัน แวนซ์กล่าวว่า ทรัมป์ทำการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ก่อนจะโต้ว่า ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยของสหรัฐฯ คือ ภัยจากการเซนเซอร์ที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส เป็นผู้มีส่วนร่วมในการดำเนินการ “ในระดับมโหฬาร” ที่รวมถึงการพยายามปิดสื่อสังคมออนไลน์ที่มาวิจารณ์นโยบายโควิด-19 ของรัฐบาล

ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาพร้อมภรรรยา และ เจ.ดี.แวนซ์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันรัฐโอไฮโอ พร้อมภรรยา จับมือขอบคุณ นอรา โอดอนเนลล์และมาร์กาเร็ต เบรนแนน ผู้ดำเนินรายการดีเบตรองประธานาธิบดี หลังการโต้อภิปรายจบลง เมื่อ 1 ต.ค. 2567

ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมา การดีเบตนั้นไม่ค่อยส่งผลมากมายต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่ในปีนี้ ทุกอย่างอาจต่างออกไป โดยเฉพาะเมื่อการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในสหรัฐฯ ชี้ว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์อยู่เพียงเล็กน้อย และแทบจะไม่ต่างกันเลยในพื้นที่ไม่กี่รัฐที่มีความสำคัญในการตัดสินว่า ใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป

ในเวลานี้ ประชาชนใน 6 รัฐของสหรัฐฯ ได้เริ่มลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้ว และอีก 14 รัฐจะเปิดให้ผู้มีสิทธิ์ส่งบัตรลงคะแนนเข้ามาในวันที่ 16 ตุลาคม

  • ข้อมูลบางส่วนมาจากรอยเตอร์และเอพี