ลิ้งค์เชื่อมต่อ

โพลด่วนชี้แฮร์ริสชนะดีเบตทรัมป์ ผู้สนับสนุนยังเชียร์ฝั่งตนเอง


จอโทรทัศน์กับภาพถ่ายทอดสดการดีเบตระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และคามาลา แฮร์ริส ที่ห้องสปินรูม นครฟิลาเดลเฟีย วันที่ 10 กันยายน 2024 (ที่มา: AP)
จอโทรทัศน์กับภาพถ่ายทอดสดการดีเบตระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และคามาลา แฮร์ริส ที่ห้องสปินรูม นครฟิลาเดลเฟีย วันที่ 10 กันยายน 2024 (ที่มา: AP)

นักการเมืองทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างออกมาสนับสนุนสองแคนดิเดตประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส และโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเวทีดีเบตเสร็จสิ้น ในขณะที่ผลสำรวจความเห็นแบบรวดเร็วพบว่าทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้ในดีเบตครั้งที่สองของปีนี้

ผลการสำรวจความคิดเห็นทันทีหลังดีเบตจบ 90 นาที โดยสำนักข่าว CNN บ่งชี้ว่า แฮร์ริสเป็นผู้ชนะ ที่ 63-37% ซึ่งถือว่าพลิกจากโพลลักษณะเดียวกันที่ทำหลังดีเบตระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีโจ ไบเดน อดีตแคนดิเดตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ทรัมป์เป็นผู้ชนะที่ 67-33%

การดีเบตดังกล่าวตามมาด้วยการที่ไบเดนยุติการหาเสียงเลือกตั้ง และส่งไม้ต่อให้กับแฮร์ริสที่เป็นรองประธานาธิบดี นำมาซึ่งการดีเบตที่นครฟิลาเดลเฟียในครั้งนี้ที่มีขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือนก่อนการเลือกตั้งจะเริ่มขึ้น และคาดว่ามีผู้ชมการโต้วาทีหลายสิบล้านคน

ทั้งนี้ ผลโพลต่าง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงเวลาที่เปลี่ยนไป

หลังการโต้อภิปราย ทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุใดแฮร์ริสจึงไม่ทำข้อเสนอต่าง ๆ ให้เป็นจริงในระหว่างที่เธอดำรงตำแหน่งมาเกือบสี่ปี ซึ่งเป็นคำถามเดียวกับที่ทรัมป์ยกขึ้นมาในการปิดดีเบต

“เป็นที่เข้าใจได้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปกป้องตัวเอง แต่สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด คือการอธิบายว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นดีในช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดี และอะไรต่าง ๆ เหล่านั้นก็ไม่ได้ดีเลยในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา” สว.คอตตอนกล่าว

ด้าน สว.จากพรรคเดโมแครต คริส เมอร์ฟี กล่าวว่าทรัมป์ไม่สามารถอธิบายบนเวทีได้ว่าจะนำพาอะไรใหม่ ๆ เข้ามาหากได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง

เมอร์ฟีกล่าวว่า “คำถามที่แท้จริงก็คือ โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนหยัดเพื่ออะไร คุณสามารถมีบทสนทนาได้ว่าจุดยืนบางอย่างของคามาลา แฮร์ริส เปลี่ยนไปอย่างไร ดังที่จุดยืนของเราทุกคนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตามข้อมูลใหม่ ๆ หรือเราก็ถามตัวเองได้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ นำเสนอแผนการอะไรในคืนนี้ที่จะช่วยชาวอเมริกันบ้าง”

ทรัมป์และแฮร์ริสมีคะแนนที่สูสีในระดับชาติ ทำให้ทั้งคู่ต้องหาทางนำคะแนนเสียงจากผู้ที่ยังไม่ปักใจเลือกใครมาอยู่กับฝ่ายตนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการเอาชนะในรัฐสมรภูมิที่ไม่มีพรรคใดผูกขาดชัยชนะ และเวทีดีเบตก็เป็นที่จับตามองว่าทั้งคู่จะใช้พื้นที่นี้สื่อสารไปถึงฐานเสียงอย่างไร

โพลที่จัดทำโดย New York Times-Siena College เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาระบุว่า ความนิยมระดับชาติของทรัมป์นำแฮร์ริสอยู่ที่ 48-47% แต่สื่อหลายสำนักรายงานว่าแฮร์ริสนำทรัมป์เล็กน้อยในหลายโพลในพื้นที่สามรัฐสมรภูมิ ได้แก่วิสคอนซิน มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย ส่วนในอีกสี่รัฐที่เหลือได้แก่แอริโซนา จอร์เจีย เนวาดา และนอร์ธแคโรไลนา ทั้งคู่มีคะแนนเท่ากัน

รัฐสมรภูมิทั้งเจ็ดนี้ถูกมองว่าจะมีผลทางการเมืองใหญ่หลวงในการกำหนดผลการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดที่วัดชัยชนะเป็นรายรัฐ

โพลของ New York Times-Siena College ระบุด้วยว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 28% ต้องการรู้จักแฮร์ริสมากขึ้นผ่านเวทีนี้ เทียบกับทรัมป์ในคำถามเดียวกันที่มีคนเห็นด้วยที่ 9% สะท้อนถึงเดิมพันของรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตในการขึ้นเวทีในคืนวันอังคาร

ทรัมป์ในวัย 78 ปี ที่ขึ้นเวทีดีเบตมาแล้วเป็นครั้งที่เจ็ด ยังหาจุดที่จะโจมตีแฮร์ริสแบบเป็นมั่นเป็นเหมาะเหมือนที่ทำกับไบเดนไม่ได้ แต่ก็ได้ใช้เวลาในการดีเบตโจมตีแฮร์ริสในทุกคำถามที่ผู้ดำเนินรายการตั้งประเด็น

แมตต์ เกตซ์ ส.ส.จากพรรครีพับลิกัน มองว่าทรัมป์ใช้เวทีดีเบตเพื่อเน้นย้ำปัญหาที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน สามารถควบคุมเวลาและพื้นที่การโต้วาทีได้อย่างดี และตัวเขามองว่าผู้ดำเนินรายการควรมีความเป็นธรรมมากกว่านี้ เพราะดูแล้วเหมือนว่าเข้าข้างอีกฝ่ายตลอดเวลา

หากแฮร์ริสได้รับเลือกตั้ง เธอจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ และเป็นคนแรกที่มีเชื้อสายเอเชียใต้ และเป็นคนที่สองที่เป็นคนผิวดำต่อจากอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า

  • ที่มา: วีโอเอ

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG