ปี 2018 ได้รับการยกให้เป็นปีแห่งผู้หญิง หรือ Year of The Woman จากบทบาทของสตรีบนเวทีการเมืองอเมริกันที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
ในปีนี้ถือเป็นปีแรก ที่ศึกเลือกตั้งกลางเทอม มีตัวแทนจากฝั่งส.ส.และส.ว. ที่เป็นผู้หญิงรวมกัน 126 คน ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยผู้หญิงอเมริกันต่างออกมาแสดงพลังในการใช้สิทธิ์เลือกตั้งกลางเทอมกันอย่างล้นหลามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ส่วนหนึ่งมาจากการเคลื่อนไหวต่อท่าทีและนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลต่อสตรี ความไม่พอใจในประเด็นการล่วงเกินทางเพศในที่ทำงาน ที่ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในองค์กรเอกชน ภาครัฐ สื่อมวลชน และวงการบันเทิงมากมายในปีนี้
อาทิ “บิล คอสบี้” นักแสดงดังในยุค 80 จำคุกสูงสุด 10 ปี ฐานล่วงละเมิดทางเพศ การเลื่อนประกาศรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปีนี้ หลังเจอกระแส #MeToo รวมทั้งประเด็นฉาวของผู้พิพากษาเบร็ตต์ คาวานาห์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีทรัมป์ ให้เป็นตุลาการศาลสูงคนใหม่
Rebecca Traister หัวหน้ากลุ่มนักเคลื่อนไหว Me Too Movement บอกว่า จากประวัติศาสตร์อเมริกัน ความขุ่นข้องหมองใจจากความไม่เท่าเทียมทางเพศ ได้ขับเคลื่อนสตรีทั่วอเมริกาให้กล้าออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้น
ขณะที่ Molly O’Rourke จาก American University มองว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลางเทอมปีนี้ เบื่อหน่ายกับคนกลุ่มเดิมๆที่เข้ามาบริหารประเทศ จึงใช้โอกาสนี้เลือกผู้แทนที่เป็นสัญลักษณ์หรือมีความเป็นอเมริกันมากขึ้น กล่าวคือ เป็นคนที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและหลากหลายทางเพศมากขึ้น อาทิ กลุ่มแอฟริกันอเมริกัน, ฮิสแปนิก, ชาวอินเดียนอเมริกัน, กลุ่ม LGBTQ
อย่างไรก็ตาม เสียงส่วนใหญ่ในวอชิงตัน ยังคงขับเคลื่อนโดยผู้ชายอยู่ดี เพราะสัดส่วนสตรีในทั้ง 2 สภา ยังอยู่แค่ร้อยละ 25 ต่างจากประชากรผู้หญิงในอเมริกา ที่มีมากถึงร้อยละ 51